อานาปานสติกัมมัฏฐาน
               
อานาปานสติกัมมัฏฐาน มีวัตถุ 16 ที่พระพุทธเจ้าทรงสรรเสริญไว้อย่างนี้ว่า  ดูกรภิกษุทั้งหลาย อานาปานสติสมาธินี้แล อันพระโยคีเจริญแล้วทำให้มากแล้ว ย่อมเป็นธรรมสงบประณีตเยือกเย็นและเป็นเครื่องอยู่เป็นสุข และยังอกุศลธรรมอันลามกที่เกิดขึ้นแล้ว ให้อันตรธานสงบระงับไปโดยพลัน ฯลฯ  ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ผู้อยู่ป่าหรืออยู่ตามโคนไม้หรืออยู่ในเรือนว่างเปล่า  นั่งคู้บัลลังก์ตั้งกายตรงดำรงณ์สติไว้เฉพราะหน้า เธอมีสติหายใจออก   มีสติหายใจเข้า
                                                                       
จตุกกะ 4 วัตถุ 16
                                                                          
    จตุกกะ ที่ 1
        1.
เธอหายใจออกยาวก็รู้ว่าเราหายใจออกยาว    หรือหายใจเข้ายาวก็รู้ว่าเราหายใจเข้ายาว
        2.
เธอหายใจออกสั้นก็รู้ว่าเราหายใจออกสั้น     หรือหายใจเข้าสั้นก็รู้ว่าเราหายใจเข้าสั้น
        3.
เธอสำเหนียกว่าเราจักเป็นผู้รู้ตลอดกายทั้งปวงหายใจออก  สำเหนียกว่าเราจักเป็นผู้รู้ตลอดกายทั้งปวงหายใจเข้า
        4.
เธอสำเหนียกว่าเราจักเป็นผู้ระงับกายสังขารทั้งปวงหายใจออก  สำเหนียกว่าเราจักเป็นผู้ระงับกายสังขารทั้งปวงหายใจเข้า
                                                                            
จตุกกะ ที่ 2
        5.
สำเหนียกว่าเราจักเป็นผู้รู้ซึ่งปีติหายใจออก   สำเหนียกว่าเราจักเป็นผู้รู้ซึ่งปีติหายใจเข้า
        6.
สำเหนียกว่าเราจักเป็นผู้รู้ซึ่งสุขกายหายใจออก   สำเหนียกว่าเราจักเป็นผู้รู้ซึ่งสุขกายใจเข้า
        7.
สำเหนียกว่าเราจักเป็นผู้รู้ซึ่งจิตสังขารหายใจออก   สำเหนียกว่าเราจักเป็นผู้รู้ซึ่งจิตสังขารหายใจเข้า
        8.
สำเหนียกว่าเราจักเป็นผู้ระงับจิตสังขารหายใจออก   สำเหนียกว่าเราจักเป็นผู้ระงับจิตสังขารหายใจเข้า
                                                                              
  จตุกกะ ที่ 3
        9.
สำเหนียกว่าเราจักเป็นผู้กำหนดรู้จิตหายใจออก   สำเหนียกว่าเราจักเป็นผู้กำหนดรู้จิตหายใจเข้า
      10.
สำเหนียกว่าเราจักเป็นผู้ยังจิตให้บันเทิงหายใจออก   สำเหนียกว่าเราจักเป็นผู้ยังจิตให้บันเทิงหายใจเข้า
      11.
สำเหนียกว่าเราจักตั้งจิตมั่นหมายหายใจออก   สำเหนียกว่าเราจักตั้งจิตมั่นหมายหายใจเข้า
      12.
สำเหนียกว่าเราจักเปลื้องจิตหายใจออก   สำเหนียกว่าเราจักเปลื้องจิตหายใจเข้า
                                                                               
จตุกกะ ที่ 4
      13.
สำเหนียกว่าเราจักเป็นผู้พิจารณาเห็นว่าไม่เที่ยงหายใจออก   สำเหนียกว่าเราจักเป็นผู้พิจราณาว่าไม่เที่ยงหายใจเข้า
      14.
สำเหนียกว่าเราจักเป็นผู้พิจารณาเห็นความคลายไปหายใจออก   สำเหนียกว่าเราจักเป็นผู้พิจารณาความคลายไปหายใจเข้า
      15.
สำเหนียกว่าเราจักเป็นผู้พิจารณาเห็นความดับไปหายใจออก   สำเหนียกว่าเราจักเป็นผู้พิจารณาเห็นความดับไปหายใจเข้า
      16.
สำเหนียกว่าเราจักเป็นผู้เห็นความสลัดทิ้งหายใจออก   สำเหนียกว่าเราจักเป็นผู้พิจารณาเห็นความสลัดทิ้งหายใจเข้า

                                                                   นิมิตปรากฏต่างๆ กัน
               
นิมิตที่บังเกิดขึ้นหาได้เหมื่อนกันทุกท่านไม่ บางท่านปรากฏเหมือนปุยนุนก็มี  เหมือนปุยฝ้ายก็มี  เหมือนสายลมก็มี ที่ยังสุขสัมผัสให้เกิด  บังท่านปรากฏเหมือนดวงดาวเหมือนเม็ดมณี เหมือนไข่มุกดา  บางท่านปรากฏเป็นสิ่งมีสัมผัสหยาบเหมือนเม็ดฝ้าย  และเหมือนเสี้ยนไม้แก่น บางท่านเหมือนสายสังวาลยาว เหมือนปวงดอกไม้และเหมือนเปลวควัน บางท่านเหมือนใยแมลงมุมที่ขึงแล้ว  เหมือนกลีบเมฆ เหมือนดอกประทุม เหมือนล้อรถ เหมือนวงพระจันทร์ เหมือนวงพระอาทิตย์ ก็มี

                                                                    กลับหน้าแรก