ท่านทำใจอย่างไรจึงทำให้ฐิติของตนเอง ให้น้อยลงหรือหมดไป                             กลับหน้าแรก 
 
 
 
 เนื้อความ : 
ท่านทำใจอย่างไรจึงทำให้ฐิติของตนเอง ให้น้อยลงหรือหมดไป
 จากคุณ : Vicha [ 6 ก.ย. 2543 / 22:08:46 น. ]  
     [ IP Address : 203.151.36.3 ] 
 
 
 ความคิดเห็นที่ 1 : (flower22) 
ให้อภัย ทำใจเป็นกุศล 
เสียสละ ให้ทานคนที่เราไม่ชอบหรือว่ามีฐิติต่อกับเรา 
หรือที่เรามีฐิติกับเขา  เราก็ให้ในสิ่งที่เขาขาด 
หรือสิ่งที่เราช่วยได้และก็ให้ได้ 
โดยไม่คิดถึงผลตอบแทนว่าจะได้อะไรจากเขา 
แล้วเขาก็จะเห็นเอง  ว่าควรที่จะเฉยเมยกับเราต่อไหม 
และเราก็ควรทำตัวเป็นกลางให้เขาด้วย
 จากคุณ : flower22 [ 6 ก.ย. 2543 / 23:05:49 น. ]  
     [ IP Address : 203.151.144.59 ] 
 
 
 ความคิดเห็นที่ 2 : (stop) 
ถ้าเราคิดว่าเก่งแล้ว ดีแล้ว  ก็จะเป็นผู้ถือตัวสูง    เมื่อใดคิดว่าตัวเองเก่งเมื่อ นั้นเราจะไม่มีทางพัฒนาได้อีกต่อไปเลย
 จากคุณ : stop [ 6 ก.ย. 2543 / 23:49:12 น. ]  
     [ IP Address : 203.155.148.24 ] 
 
 
 ความคิดเห็นที่ 3 : (tchurit) 
ไม่ใจแคบปฏิเสษความคิดของผู้อื่นไม่ว่าจะใครก็ตาม เด็กกว่า แก่กว่า รู้มากกว่า รู้น้อยกว่าเราก็ตาม 
จำไว้ว่าสิ่งที่เราคิดไม่ใช้คำตอบสุดท้ายที่สมบูรณ์แบบ ยังมีคำตอบที่ดีกว่านี้ที่เรายังหาไม่เจอรอเราอยู่ครับ 
:)
 จากคุณ : tchurit [ 7 ก.ย. 2543 / 07:51:51 น. ]  
     [ IP Address : 203.157.42.217 ] 
 
 
 ความคิดเห็นที่ 4 : (หนู40) 
เท่าที่ผมฝึกปฏิบัติธรรมมานี่ ยิ่งฝึกมากเท่าใด ยิ่งรู้เพิ่มขึ้นเท่าใด ก็ยิ่งทำให้รู้ตัวว่า เรานี่ยังโง่อีกมาก แล้วที่ว่าเคยรู้อยู่นั้นหลายๆส่วนกลับเป็นอวิชชาไปเสียอีก 

คิดถึงความตายให้มาก คิดถึงชาตินี้ ชาติที่แล้ว ชาติหน้าให้มาก ไม่มีอะไรแน่นอนเลย ยิ่งยึดก็ยิ่งทุกข์ เจ้าตัวยึดนี่แหละทุกข์ แล้วจะยึดไปทำไม 

ถ้าเราคิดว่าเราแน่ รู้ว่าเราแน่ ก็ไม่เห็นต้องไปโอ้อวดกับใครเลย ถ่อมตัวเข้าไว้ เก็บความคมไว้ในฝัก เมื่อจะใช้งานทีไร ความคมก็ย่อมคมอยู่เสมอ 

ดูที่ทุกข์ซิครับ ทิฏฐินี่มันสุขหรือทุกข์กันแน่

 จากคุณ : หนู40 [ 7 ก.ย. 2543 / 09:25:38 น. ]  
     [ IP Address : 203.170.128.192 ] 
 
 
 ความคิดเห็นที่ 5 : (kaan) 
เคยฟังครูบาอาจารย์ว่า ให้คิดเสมอว่าใหญ่แค่ไหนก็เล็กกว่าโลง ช่วยได้จะลองดูบ้างก็คงไม่เสียหาย
 จากคุณ : kaan [ 7 ก.ย. 2543 / 12:43:14 น. ]  
     [ IP Address : 203.148.254.96 ] 
 
 
 ความคิดเห็นที่ 6 : (อนัตตา) 
หลวงปู่ขาว เคยสอนหลวงพ่อทูลว่า ให้ทำตัวเหมือนผ้าขี่ริ้ว น่ะครับ
 จากคุณ : อนัตตา [ 7 ก.ย. 2543 / 14:09:27 น. ]  
     [ IP Address : 203.151.2.159 ] 
 
 
 ความคิดเห็นที่ 7 : (dolphin) 
ยึดหลัก...รู้...พิจารณา...และวางมังค่ะ 
หลักเดิม  ..หลักเดียว ที่ใช้ได้ตลอดทุกกรณี 
ตามคำสอนของครูค่ะ
 จากคุณ : dolphin [ 7 ก.ย. 2543 / 15:01:29 น. ]  
     [ IP Address : 203.149.36.64 ] 
 
 
 ความคิดเห็นที่ 8 : (ขาโจ๋) 
ชอบใจคุณ  หนู ๔๐   ตอบ   อย่างนี้ตอบด้วยความรู้สึกของใจจริง ๆ  
ตรงที่ว่า  "  ยิ่งปฏิบัติละเอียดมากเท่าใด   ก็รู้ตัวว่าเมื่อก่อนทำไมเราถึงโง่จัง 
ที่นี่มีแต่ผู้ที่จะแจ้งทั้งนั้นเลยนี่รอบรู้ทั้งปริยัติ  และปฏิบัติ  น่าที่จะไปทำรายการ  ทีวี  นะ   มันกว้างและไปไกลดี
 จากคุณ : ขาโจ๋ [ 7 ก.ย. 2543 / 15:34:14 น. ]  
     [ IP Address : 202.183.179.160 ] 
 
 
 ความคิดเห็นที่ 9 : (Vicha) 
ทุกท่าน เป็นผู้มีธรรม แสดงความเห็นมากเท่าไร ประโยชน์ ก็มีมากขึ้น 
เท่านั้น 
           ความจริงแล้วคำว่าฐิติ นั้นกว้าง ถ้าในทางธรรม ความเห็นถูก หรือสัมมาฐิติ ก็จะทำให้มิจฉาฐิติหายไป 
  
แต่ในที่นี้ผมจะกล่าวถึง การถือฐิติในความคิดในความเห็น 
           สำหรับผมผมจะทำอย่างนี้ 
  
1. ระงับความโกรธและความไม่พอใจ ไม่ให้แสดงออกมาทางกาย ทางวาจา และความคิด ที่รุนแรง 
            2.  เตือนตนเองว่าความคิดหรือการกระทำของรา หาได้ถูกต้องที่สุดเสมอไป 
            3.  เฝ้าสังเกตุกิเลสตนเอง (ขอใช่คำว่ากู) เมื่อหลง  กูไม่สนใจว่าถูกหรือผิด  เมื่อโกรธ  ปฏิเสธอย่างเดียวกูต้องถูก  
เมื่อรัก  พวกกูถูกพวกมึงไม่ถูก  เมื่อเห็นดังนี้แล้วพยายามขจัดออกไปจากใจ 
            4. ไม่เอาความรู้สึกว่าตนต้องถูก อยู่ เหนือเหตุผล 
       หมายเหตุ บางครั้งก็เผลอหลุดอยู่เหมือนกัน เป็นธรรมดาแต่พยายามให้เกิดน้อยที่สุด
 จากคุณ : Vicha [ 7 ก.ย. 2543 / 20:54:52 น. ]  
     [ IP Address : 203.151.36.3 ] 
 
 
 ความคิดเห็นที่ 10 : (4) 
เพ็งเล็งความชั่วของตัวเอง และพยายามแก้ไข 
อีกอย่างที่ผมใช้ คือ คิดว่าสัตว์โลกเกิดมาเท่าไหร่ ตายหมดเท่านั้น ไม่ต่างกัน 
เพราะต่างก็มาจาก ดิน น้ำ ลม ไฟ เกิดมาเพื่อแสวงหาความสุขเท่าเทียมกัน
 จากคุณ : 4 [ 7 ก.ย. 2543 / 21:18:56 น. ]  
     [ IP Address : 203.121.130.156 ] 
 
 
 ความคิดเห็นที่ 11 : (morning_glory) 
ขอแก้คำสะกดหน่อยนะครับ พจนานุกรมสะกดว่า 
"ทิฐิ"  ส่วนศัพท์ทางพุทธศาสนาสะกด "ทิฎฐิ" ครับ
 จากคุณ : morning_glory [ 8 ก.ย. 2543 / 00:26:25 น. ]  
     [ IP Address : 203.149.36.220 ] 
 
 
 ความคิดเห็นที่ 12 : (จิตฐิ) 
ลด "มิจฉาทิฏฐิ" ความเห็นผิด ได้ด้วยการหมั่นอบรมสอนจิตของเรา ให้เห็นถูก ให้เป็น สัมมาทิฏฐิ ซึ่งเป็นหมวดของ  ปัญญา__ต้องสร้างจึงเกิด   ต้องสอนจิตให้เห็นถูก  คือ  ให้เห็นความจริงว่าทุกๆอย่างเป็นธรรมชาติ  เรา  เขา  ก็เป็นธรรมชาติ   เป็นเพียงธรรมธาตุที่อยู่ในกฏของ ความไม่เที่ยง, ทุกข์, อนัตตาทั้งสิ้น  เป็นเพียงธาตุดิน น้ำ ลม ไฟ  เป็นเท่านั้นจริงๆ   เท่านั้นจริงๆค่ะ    ต้องขยันหมั่นเพียรสอนอบรมจิตเห็นความจริงของสัจจธรรม   และจิตจะมีความละเอียดขึ้นเรื่อยๆ    จะเห็นจริงขึ้นเรื่อยๆค่ะ  

( ขอให้ทำเถอะค่ะ แล้วคุณจะเห็นผล  จิตฐิขอรับรอง และ ขอให้กำลังใจเพื่อนๆว่า ลองทำกันจริงๆจังๆ  แล้วจิตคุณจะไม่ไปแบกของที่ทำให้คุณหนัก หรือ ทุกข์อีก  เพราะมันเห็นความจริงแล้ว  มันเห็น ทุกข์  โทษ  ภัย ของการยึดนั้นๆแล้ว   มันจะค่อยๆคลายความยึดไปเรื่อยๆค่ะ ) 

อย่าไปหวังผลว่าต้องลดทิฏฐิได้ทันที หรือ เมื่อนั้นเมื่อนี้   เพราะเมื่อเหตุถูกก็ต้องรอวาระปัจจัยพร้อม   หน้าที่ของเราคือหมั่นอบรมจิตไปเรื่อยๆ    เมื่อคุณสอนจิตจนจิตเห็นจริง  ยอมรับได้จริงๆในจุดที่ติดนั้นๆ  ความ ลดลงของทิฏฐิ จะเป็นผลที่เกิดขึ้นโดยอัตโนมัติเอง   เมื่อคุณกลับไปเจอสิ่งเดิมที่เคยทำให้คุณทุกข์  คุณจะรู้แจ้งได้ในจิตว่าความทุกข์ณ.จุดนั้นได้เบาบางกว่าเดิม หรือ ไม่เกิดขึ้น  นี่คือผลที่คุณจะได้รับ 

เราควรจะฝึกจิตของเราให้เป็น ผ้าขี้ริ้วชั้นดี เช็ดถูได้ทุกที่  ทุกเวลา 
ไม่จำกัดเฉพาะกิจ,บุคคล   แต่ที่ครูบาอาจารย์ท่านเห็นที่เราทำนั้น  
คือยอมเป็นกันเพียง"ผ้าขี้ริ้วอนามัย"   คือยอมเป็นงานๆไป  
ยอมเป็นคนๆไป  นั้น   ยังใช้ไม่ได้  ต้องคอยหมั่นอบรม   หมั่นฝึก 
ให้เราเป็นผ้าขี้ริ้วชั้นดีให้ได้   ต้องมีความนอบน้อมถ่อมตน   ต้องฝึกให้.. 
"ยอมแพ้เป็น"  ยอมแพ้ต่อผู้อื่น   แต่  ชนะกิเลส  ชนะใจของตนเองนี้ 
ยิ่งไม่วิเศษหรอกหรือค่ะ 

ที่เขียนทั้งหมดนี้คือสอนตัวเองค่ะ     รู้จักความจริงอย่างหนึ่งคือ  เราเท่านั้นที่จะสอนจิตเราได้    ไม่มีใครสอนอบรมจิตของผู้อื่นได้เลย    จิตดิฉันนั้นมันโง่มานานเช่นกัน   มันยอมให้กิเลสหลอกมาตลอดและก็หลงเชื่อมาตลอด   แม้แต่ปัจจุบันซึ่งพอที่จะเข้าใจการทำงานของกิเลสมันบ้างแล้วก็ตาม   ก็ยังไม่วายถูกมันน๊อคอยู่เสมอๆ  แต่ก็นำข้อมูลเหล่านั้นมาฝึกจิตให้มีความเข้มแข็งขึ้นเรื่อยๆ  ไม่ยอมแพ้ไอ้เจ้าตัวกิเลสมันง่ายๆเหมือนก่อนอีกแล้ว   จะขอฟาดฟันกับกิเลสมันจนถึงที่สุด...

 จากคุณ : จิตฐิ [ 8 ก.ย. 2543 / 20:58:34 น. ]  
     [ IP Address : 24.15.144.25 ] 
 
 
 ความคิดเห็นที่ 13 : (Vicha) 
ขอบคุณ คุณ morning_glory มากครับ ผมพิมพ์ผิดเลยทำให้ผู้อื่นพิมพ์ผิดไป 
ผมพยายามแก้ไข่ แต่ที่คล้ายกัน และสระที่เกิน เหมื่อกับว่าผมแยกมันไม่ออก
 จากคุณ : Vicha [ 8 ก.ย. 2543 / 21:01:09 น. ]  
     [ IP Address : 203.151.36.3 ] 
 
 
 ความคิดเห็นที่ 14 : (Arrowheart (fthunderbow@yahoo)) 
ทิฏฐิ--สำคัญมากครับตัวนี้ 
วันหนึ่งผมได้ไปกราบครูบาอาจารย์สายหลวงปู่มั่นที่ อ.โคกศรีสุพรรณ จ.สกลนคร ผมจับสังเกตกิริยาอาการของพระลูกศิษย์ซึ่งเข้ามาปรนนิบัติหลวงปู่ ดูแล้วงามมากครับ ไม่ว่าการกราบ การเดิน การคลาน คุกเข่า ไปมาอย่างคล่องแคล่ว และแฝงไว้ด้วยความเคารพนอบน้อมต่อหลวงปู่ แสดงให้เห็นถึงว่าได้รับการฝึกฝนอบรมกายวาจาใจมาอย่างดีแล้ว ผมจึงเข้าใจว่าทำไมบทสวดมนต์บูชาพระรัตนตรัย จึงขึ้นต้นว่า นะโม ที่แปลว่า นอบน้อม    ต้องเริ่มต้นจากตรงนี้แหละการลดละทิฏฐิมานะในตน  
     ผมเองยึดตามคำที่หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ ท่านสอนไว้ดังนี้ว่า 
“...เห็นว่าตัวเองบกพร่องอย่างนั้นๆ  รู้สึกตัวแล้วก็รีบกำหนดละมัน  อธิษฐานใจละมันเรื่อยไป   ข้าพเจ้าจะไม่ยึดมั่นถือมั่น  เรื่องชั่วเรื่องไม่ดีต่างๆ นานาเหล่านั้น  ใครจะว่าอะไรมาก็ตามจะไม่หวั่นไหวและเราก็จะไม่ว่าอะไรให้ใคร   ใครจะดีจะชั่วก็ให้เป็นเรื่องของผู้นั้นโดยตรง  ผู้ใดรู้ตัวอย่างนี้แล้ว  อธิษฐานใจตัวเองอย่างนี้  สอนใจตัวเองเข้าไป ผู้อื่นว่ามาเราจะไม่โกรธ ไม่ฉุนเฉียว และเราก็จะไม่ด่าว่าใคร  ไม่กระทบกระทั่งใคร... “ 
        พระสุธรรมคณาจารย์    (หลวงปู่เหรียญ   วรลาโภ)    วัดอรัญญบรรพต   อ.ศรีเชียงใหม่    จ. หนองคาย 
 จากคุณ : Arrowheart (fthunderbow@yahoo) [ 12 ก.ย. 2543 / 11:24:35 น. ]  
     [ IP Address : 202.12.97.44 ] 
 
 
 ความคิดเห็นที่ 15 : ([email protected]
ความหมาย ทิฏฐิ ของเจ้าของกระทู้ น่าจะใช้คำว่า " มานะ "  
ทิฏฐิ คือความเห็น มีความเห็นถูกและความเห็นผิด 
แก้ความเห็นผิดให้เป็นความเห็นถูก โดยการทำให้เป็นนิสัย 
แต่ มานะ เป็นสิ่งที่ควรละมีอย่างหยาบ กลาง ละเอียด 
ทำให้น้อยลง ก็อาศัยการฝึก ถ้าจะทำให้หมดไป ต้องภูมิอรหันต์ น่ะ
 จากคุณ : [email protected] [ 15 ก.ย. 2543 / 12:08:29 น. ]  
     [ IP Address : 203.170.139.112 ] 
 
 
 ความคิดเห็นที่ 16 : (Vicha) 
ขอบคุณ คุณ apidjata มาก ที่ทำให้เข้าใจความหมายของคำ
 จากคุณ : Vicha [ 15 ก.ย. 2543 / 20:33:02 น. ]  
     [ IP Address : 203.151.36.3 ] 
 
 
 ความคิดเห็นที่ 17 : (ธนู) 
มีความรู้สึกต้องการที่จะลดความถือดีตั้งแต่ยังไม่สนใจพุทธศาสนา  ครั้งนั้นมีเพลงของคาราบาวเพลงหนึ่งที่ร้องว่า  "..เราไม่ถูกทุกอย่าง  ไม่ผิดทุกอย่าง  ทำไปแก้ไป  ..เรามีคนที่เหนือกว่า  ไม่ออกหน้าออกตาอยู่ถมเถไป.."  ซึ่งได้นำมาพูดกับตัวเองอยู่เรื่อยๆตั้งแต่สมัยนั้นมา  ทำให้รู้สึกว่า เรามิได้เป็นหนึ่ง  คนเก่งๆที่ไม่แสดงตัว มีอยู่เป็นเยอะแยะ  ความคิดนี้ได้ช่วยทำให้ตนเองลดอหังการลงได้มาก
 จากคุณ : ธนู [ 17 ก.ย. 2543 / 21:34:01 น. ]  
     [ IP Address : 203.144.195.165 ] 
 

จบกระทู้บริบูรณ์

 กลับหน้าแรก