ตอบอย่างคนไม่ค่อยอ่านหนังสือพระมามากเท่าไหร่นะครับ
สัตว มนุษย เทวดา พรหม มีสิ่งที่ไม่เหมือนกันคือ
ความไม่แน่นอนครับ ยังต้องเคลื่อนย้าย จุติกันไปเรื่อย
ทุกข์บ้างสุขบ้างตาม"การเลือก"ทั้งโดยรู้หรือไม่รู้ก็ตาม
"จนกว่าจะเบื่ออย่างแท้จริงกับสิ่งที่เป็นอยู่ มีอยู่
แล้วตัดสินใจก้าวข้ามจากสิ่งเหล่านั้นอย่างตั้งใจครับ"
ตอบแหวกแนวเกินไปหรือเปล่าไม่รู้ครับ แต่"ใจ"มันบอกว่า"ใช่"ในความรู้สึกของผม
ส่วน ปารถนา กับความตั้งมั่นต่างกันอย่างไร ?
ก็ต้องถามผู้รู้ทางอักษรศาสตร์ก่อนครับว่า มันมีความต่างทางความหมายอย่างไร
เพราะผมรู้สึกว่ามันเป็น"สัญลักษณ์"เป็นการสมมุติให้คำนี้เท่ากับแบบนี้
คำนั้นเท่ากับแบบนั้น ก็เลย...งง เล็กๆ(อีกแล้ว)
แต่ถ้าจะถามความรู้สึกที่อยากจะบอกก็ต้องตอบว่า
ปารถนา "น่าจะคล้ายๆความอยาก" อยากไปเรื่อย...ยังไม่แน่ว่า(จะทุ่มเทเพื่อให้ได้มาซึ่งสิ่งที่ตนปารถนาหรือไม่)
เดี๋ยวอยาก...เดี๋ยวไม่อยาก เอาแน่เอานอนอะไรไม่ค่อยได้
คล้ายๆกับคิดเอาไว้ก่อน ยังไม่ลงมือกระทำ
ภาษาไทยนี่มีคำที่มีความหมายใกล้กัน เหมือนกันเยอะนะครับ
ดีใจที่เกิดเป็นคนไทยครับ : )
และในอีกมุมนึง ท่านอ.ไชย ณ พล ท่าน เคยบอกว่า ความอยากดี
อยากสำเร็จธรรม ปารถนามรรคผล เป็นกิเลสไหม
ท่านว่าเป็น... แต่ขณะเดียวกัน "มันเป็นบารมีด้วย"
ฉะนั้นก็เลยได้ความคิดว่า "อยากอะไรแล้วแต่ ขอให้อยากในสิ่งที่ดีก็แล้วกัน
ใครเขาจะว่าเรามีกิเลสอยู่ก็ช่างเขา เรารู้ว่าเรา
ไม่ได้อยากที่จะทำในสิ่งที่ไม่ดีก็แล้วกัน"
ส่วนความตั้งมั่นในความคิดของผม น่าจะเป็นส่วนของการกระทำแล้ว
เป็นการตั้งใจ "อย่างจริงๆจังๆ" ที่จะพาตัวเอง ไปให้ถึงซึ่งสิ่งที่ต้องการ
ไม่ว่าจะโดนทดสอบขนาดไหน ไม่ว่าจะเจออุปสรรคเท่าใด ก็จะฝ่ามันไปให้ได้
เพราะรู้ว่า"สิ่งที่รอเราอยู่ที่ปลายทางนั้นมีคุณค่าและคุ้มค่ากับการที่จะต้องเสียอะไรไป"
ด้วยเหตุนี้ มหาบุรุษที่เกิดมาแล้วในโลกทั้งหลายจึง
"ไม่เคย ยอมแพ้อย่างจริงๆจังๆ"แม้แต่น้อย...ที่จะไปให้ถึงสิ่งนั้น
แม้ว่าสิ่งที่ทำไป บางทีอาจจะไม่ใช่เพื่อตัวท่านเองเลยก็ตาม หรือถ้าจะเพื่อตัวท่านเองก็ไม่จำเป็นที่ต้องจะทุ่มเทขนาดนั้น...
เขียนเองรู้สึกเองครับ...ว่ารักพระพุทธเจ้าทุกพระองค์...มหาโพธิสัตว์เจ้าทุกพระองค์...ตลอดจนใจทุกดวงที่ทุ่มเทเพื่อให้สรรพชีวิตอยู่อย่างเย็นเป็นสุข...ตามสมควร