บางส่วนที่ผมแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับคุณทักสิน
ทั้งแต่เป็นรัฐบาลจนโดนปฏิวัติ จนถึงการถูกยึดทรัพย์
(3 มีนาคม พ.ศ. 2549 12 กันยายน
พ.ศ. 2550)
ความจริงแล้วทุกท่านย่อมมีความดีอยู่แล้วเป็นพื้นฐานจึงได้เกิดมาเป็นมนุษย์
แต่ทุกท่านย่อมก่อกรรมที่เป็นกุศลกรรมบ้างอกุศลกรรมบ้าง
ผสมประสานกันเป็นธรรมดา วิบากกรรมจึงส่งผลตามวาระของวิบากกรรมนั้นๆ ตามฐานะตามลำดับของกรรมนั้น
จึงกล่าวได้ว่า สัตว์ทั้งหลายมีกรรมเป็นของตน มีกรรมเป็นกำเนิด ข้าพเจ้าก็มีกรรมเป็นของตน
มีกรรมเป็นกำเนิด.......
ความคิดเห็นที่ 54 : (Vicha)
|
|
อุ่ย แสดงความคิดเห็นกันยาวเลย
ขอตอบคุณเพ็ญในความคิดเห็นที่ 26
นะครับ ผมทราบแล้วครับ แต่เป็นการชี้ให้เห็นว่า กฎเกณฑ์บางอย่างที่วางไว้นั้นทำให้
เอื้อประโยชน์ให้กับผู้ที่ได้เปรียบทางการเมืองหรือมีอิทธิพลได้ครับ ถ้าผู้นั้นไม่อิงในความเป็นธรรม
แต่อิงกับประโยชน์ตนและพวกมากเกินไป ครับ
จึงเป็นบทเรียนที่ต้องปรับปรุงแก้ไขให้สมบูรณ์ขึ้นอีกครับ
ประสบการณ์และเหตุการณ์นั้นแหละเป็นผู้สอน
ให้กำหนดเกณฑ์ที่เป็นธรรมยิ่งขึ้น แต่เมื่อถ้าเราร็อกไม่ให้มีการเปลี่ยนแปลง
ก็จะเกิดปัญหาถึงทางตันได้ ดังที่เป็นอยู่ เพราะผู้ที่มีความฉลาดสามารถอ้างตัวอักษรที่บัญยัติว่าเป็นธรรมแล้วได้ และทำเพื่ออิงประโยชน์ตนและพักพวก
แล้วอ้างความเป็นธรรมตามตัวอักษรหรือกฎเกณฑ์ที่บัญยัติเปิดช่องไว้ให้
การเกิดคุณธรรมนั้น ไม่ใช่ที่ตัวอักษรที่บัญยัติหรือกฎเกณฑ์ที่ตั้งไว้
แต่อยู่ที่ลักษณะการใช้ต่างหาก ที่จะเกิดคุณธรรมจริยธรรม
ดังนั้นกฎเกณฑ์อย่างใดที่เปิดช่องโหว่
ไว้มากก็จะเป็นข้ออ้างของผู้ที่ฉลาดและมีอิทธิพลได้ง่าย เพื่อสร้างประโยชน์อิงประโยชน์ตนและพรรคพวก
ที่ว่าเป็นธรรมตามตัวอักษร
แต่เมื่อมองกลับกันในอีกนัยตรงกันข้าม
กฎเกณฑ์ที่ปิดช่องโหว่ไว้ทั้งหมด ก็สามารถทำให้เกิดการขัดแย้งได้ในภายหลัง ที่ทำให้ไม่เกิดจากการยืดหยุ่นในการบริหาร
ดังนั้นคุณธรรมและจริยธรรม จะว่ากันตามตัวอักษรหรือกฎเกณฑ์ที่กำหนดหาได้ทั้งหมด
หวังว่าคุณเพ็ญคงเข้าใจนะครับ
แต่สำหรับนักปราชญ์หรือนักอะไรก็ตาม
ที่มีคุณธรรมจริยธรรม เมื่อเกิดแตกแยกกันไม่ว่าฝ่ายตนจะมากหรือน้อย และเมื่อพิจารณาแล้วว่า
การแตกแยกนั้นทวีความรุนแรงขึ้น หรือทรงความรุนแรงอยู่ และไม่สามารถจบสิ้นได้โดยง่ายหรือมองไม่เห็นที่จะจบลงได้ แล้วผลเสียเกิดขึ้นทั้งสองฝ่ายหรือชนโดยรวม
นักปราชญ์หรือนักอะไรก็ได้ที่มีคุณธรรมจริยธรรม ก็ย่อมสละได้เมื่อเห็นว่าการสละนั้นทำให้ความแตกแยกที่ทวีความรุนแรงนั้นสลายลง
และเห็นที่จบลงได้ด้วยความสามัคคีไม่ให้เกิดผลเสียทั้งสองฝ่ายหรือชนโดยรวม
เป็นเพียงการแสดงความคิดเห็นของผม
นะครับคุณเพ็ญ
จากคุณ : Vicha [ ตอบ: 03 มี.ค. 49 10:20 ]
|
ความคิดเห็นที่ 56 : (Vicha)
|
|
ขอคุยแบบสลายความเครียดเหนอะ
ยิ้มแบบเปิดปากก่อนเลย 
แม... คุณ nonsoul
นี้ก้อ
เทวดาเขาถอยฉากออกไปแล้วครับ
นี้อาจเป็นคุณธรรมของเทวดา เพราะว่าในขณะนี้ไม่ว่าจะอยู่ฝ่ายใดก็จะถูกตำหนิว่าขาดคุณธรรมจากอีกฝ่ายหนึ่งทั้งนั้น
เมื่อบอกพวกมนุษย์ว่าให้มีการเสียสละนั้นแหละเป็นคุณธรรมที่พอมีอยู่ให้เกิดความสงบมันก็ไม่ย่อมเสียสละกัน
แถมเทวดายังอยู่คนละโลกกับมนุษย์เสียอีกไม่มีได้ไม่มีเสียอะไรเลย
ดังนั้น ถอยฉากหรือมองดูเฉยๆ
ไม่ดีกว่าหรือ? คุณ nonsoul


จากคุณ : Vicha [ ตอบ: 03 มี.ค. 49 10:39 ]
|
เมื่อมีคนถามเรื่องกรรม
ความคิดเห็นที่ 108 : (Vicha)
|
|
เมื่อพูดเรื่องพระกัน ผมก็จะวกกลับมาพูดเรื่องกรรม และเปรียบเปรยในเรื่องของภาวะอากาศดีกว่า แต่ทุกเรื่องที่จะพิมพ์ต่อไปเป็นเรื่องขอการคาดการณ์
หรือจินตนาการนะครับ
พิมพ์เรื่องกรรมก่อน นะครับ
อกุศลกรรมบางประเภทที่เกิดจากการสั่งสมมาที่ละเล็กละน้อยโดยเจ้าตัวอาจคิดว่าเป็นเรื่องเล็กน้อยและสามารถแก้ปัญหาได้แต่อกุศลกรรมนั้นที่ว่าเล็กๆ
น้อยๆ นั้นมันใหญ่ขึ้นตามฐานะผลบุญที่ส่งเสริมที่ใหญ่กว่า
มันก็เหมือนเส้นกราฟ 2 เส้นที่พุ่งมาพร้อมกัน
ตามกันไปเรื่อยๆ เมื่อใดได้ทำอกุศลกรรมรุนแรงและบ่อยๆ ได้แก่การผิดศีล 5 ข้อใดข้อหนึ่งเป็นอาจิณ แม้แต่การโกหกและตะหลบตะแลง
และการเบียดเบียนเล็กๆ น้อยชิ่งความได้เปรียบมาตลอด บวกกับไปกระทำกรรมกับผู้มีศีลที่บริสุทธิ์
ทีละเล็กที่ละน้อย เพราะสร้างความกดดันฐานะกับท่าน
เมื่อถึงที่สุดแล้วอกุศลกรรมย่อมสั่งสมจนอยู่เหนือกุศลกรรม
รอการส่งผลในขณะที่อกุศลกรรมรอการส่งผลอยู่นั้น กุศลกรรมก็ค่อยๆ เตือนให้ทราบเป็นระยะๆ
รอการแก้ไขเพื่อบรรเทาทุกข์ที่เป็นอยู่ แต่เมื่อยังปล่อยให้โอกาสที่กุศลกรรมที่คอยเตือนนั้นผ่านไปๆ
โดยไม่แก้ไขจนถึงที่สุดอกุศลกรรมสามารถส่งผลได้เต็มกำลังทุกอย่างก็จะหมดสิ้น
ราบคาบเรียบกลายเป็นทุกข์ในชีวิตไปโดยไม่สามารถแก้ไขอะไรได้เลย
กรรมเฉพาะบุคคลก็จะส่งผลตามฐานะบุคคล
กรรมของสังคมชุมชนก็จะส่งผลตามฐานะของสังคมชุมชน
กรรมของโลกก็จะส่งผลตามฐานะของโลก
ต่อไปจะพิมพ์เรื่องลม(ภาวะอากาศ)
ทุกๆ ที่ในพื้นโลก
ล้วนมีลมทั้งหมด เช่นเดียวกันในประเทศไทยก็มีลมทุกที่
แต่การจะเริ่มก่อตัวเป็นลมพายุใหญ่
ไม่ได้เริ่มในพื้นที่ทั้งหมดในประเทศไทย จะเริ่มก่อตัวในบางบริเวณเท่านั้น
แล้วก็จะเริ่มก่อตัวแรงขึ้นๆ จนเป็นลมพายุใหญ่ ในบริเวณนั้นไม่ใช่ทั่วทั้งประเทศไทย
ลมพายุใหญ่ก็จะพัดไปยังทิศทางของลมพายุนั้น ส่วนลมอื่นๆ
ทั่วประเทศย่อมไม่มีผลต่อลมพายุนั้นเลย
ดังนั้นผู้ที่อยู่ในทิศทางลมต้องหาที่หลบ
ออกไปจากทิศทางลม หรือไปอยู่ในสถานที่แข็งแรงที่มีอยู่แล้วอย่างมาก
อย่าไปคิดต้านลม หรือก่อกำแพงขึ้นมาใหม่เพื่อต้านลมเมื่อเห็นลมพายุก่อตัวเริ่มขึ้นแล้ว
เพราะไม่ทันการจะมีแต่ย่อยยับไปกับทิศทางลมพายุนั้น
หลบไป เมื่อลมสงบก็สามารถกลับมาสร้างบ้านสร้างเรือนของตนเองใหม่ได้ไม่ใช่หรือ?
จงอย่างต้านลมจนตนเองไม่สามารถกลับสร้างบ้านสร้างเรือนใหม่ของตนเองได้
เป็นแนวความคิดเห็นของผมเอง เป็นเรื่องของการจินตนาการธรรมดาเองครับ
ถ้าเห็นว่าดีแล้วเอาไปไช้ผมก็ไม่ถือเป็นเลิขสิทธิ์ ถ้าเห็นว่าไม่ดีหรือไปบั้นทอนกำลังใจของผู้ใดผมต้องขอโทษด้วยนะครับ
แต่ภาวะธรรมชาติ หรือภาวะของกรรมเป็นเช่นนั้นจริงๆ ตามที่เห็นมา
จากคุณ : Vicha [ ตอบ: 07 มี.ค. 49 10:21 ]
|
การร่วมกันชุมนม จะกล่าวว่าเป็นกุศลหรืออกุศลก่อนไม่ได้ครับ ต้องดูที่
1.เจตนาในการชุมนม 2.พฤติกรรมในการชุมนม
ตัวอย่างเช่น
1.เจตนารวมตัวชุมนมกันไปเพื่อทำบุญ
หรือทำสาธารณะประโยชน์ นี้เป็นกุศลทั้งเจตนาและพฤติกรรม
2.เจตนารวมตัวชุมนมกันไปเทียวต่างจังหวัด
เพื่อความผ่อนคลายจากการงาน นี้หาได้เป็นอกุศล แต่จะเป็นกุศลหรือไม่ก็อยู่ที่พฤติกรรมในการท่องเที่ยว
เช่นไปไหว้พระ หรือกินเหล้าเมายาร้องรำทำเพลง
3.เจตนารวมตัวชุมนม
ฆ่าหมูหรือวัว กินเลี้ยงกัน นี้เป็นอกุศลทั้งเจตนาและพฤติกรรม
ก็มาดูการชุมนมที่สนามหลวง เป็นเจตนาทางการเมืองก็ยังไม่สามารถจัดว่าเป็นกุศลหรืออกุศล
ของกลุ่มชุมนมนั้น แต่เมื่อผู้ใดใช้คำหยาบคำที่ไม่เป็นจริง
ก็เป็นพฤติกรรมของบุคคลคนนั้น และเป็นอกุศลกรรมของบุคคลคนนั้นเอง
คุณความรู้ตัวคงเข้าใจที่ผมแยกแยะนะครับ
ดังนั้นไม่ว่าฝ่ายรัฐบาล หรือ ฝ่ายค้าน
หรือกลุ่มผู้ชมชนทางการเมือง ก็ยังไม่จัดว่าเป็นฝ่ายกุศลหรืออกุศลในเจตนาเพราะระบบปกครองให้สิทธิเป็นอย่างนี้ที่อยู่ขอบและเขตไม่ร้ายแรงเบียดเบียนกันทำร้ายกัน
ฆ่าฟันกัน แต่อกุศลจะเกิดขึ้นกับพฤติกรรมของแต่ละบุคคลไม่ว่าจะอยู่ใน ฝ่ายรัฐบาล หรือ
ฝ่ายค้าน หรือกลุ่มผู้ชุมนม ที่
1. ใช้คำหยาบที่ไม่เป็นจริง
2. ไม่มีคำสัตย์
3. หลอกลวง คดโกงในทางการใช้วาจา
หรือกลับกลอกเพื่อประโยชน์ตนเป็นที่ตั้งปล่อยให้ผู้อื่นเบียดเบียนกัน หรือเบียดเบียนผู้อื่น
4. ยุยงหรือกระทำให้เบียดเบียนทำลายทรัพย์สินทำร้ายร่างกายและชีวิต
ฯลฯ
จากคุณ
: Vicha
[ ตอบ: 08 มี.ค. 49
10:39 ]
เมื่อมีการประกาศให้ผู้ที่เป็นกลางเปิดไฟหน้ารถในเวลากลางวันแต่มีการใช้เลห์เหลี่ยม เพื่อดึงฝ่ายที่เป็นกลางไปเป็นพวก
ความคิดเห็นที่ 70 : (Vicha)
|
|
อ้างอิง
ผมคิดในใจว่า "โอ้
นี้มันอะไรกัน? ชิงความได้เปรียบเสียเปรียบถึงขนาดนี้เชียวหรือ
แล้วต่อไปจะมีเหตุการณ์อะไรอีกละเนี้ย
ดังนั้นการเสี้ยม(ยุยง)ให้ประชาชนปะทะกันน่าจะมีอยู่ในความคิดของคนบางคนหรือบางกลุ่มขณะนี้
และอาจจะมีการวางแผนในใจไว้แล้วก็ได้ เป็นเรื่องที่น่ากลัวนะครับ
สำหรับประชาชนโดยรวมและประเทศ"
วันนี้ผมเลยไม่เปิดไฟหน้ารถขับมาทำงานเลย เพราะคำว่าคนกลางอย่างบริสุทธิ์
มันไม่บริสุทธิ์เสียแล้ว นี้เป็นเพียงการแสดงความคิดเห็นของคนคนหนึ่งนะครับ
จากคุณ : Vicha [ ตอบ: 09 มี.ค. 49 09:30 ]
ผมคุยไม่ทันข้ามวันเลย เล่นกันร้อนๆ แล้ว เน้อะ! ใครแหละได้เปรียบ? แต่ประเทศเสียไปแล้วนะครับ แล้วก็สาดโคลนใส่กันอีรุงตุงนั่ง
แม.. ยังไม่ทันถึงสงกราณต์แต่ต่างฝ่ายก็สาด(โคลน)กันแล้ว.....
ขอนั่งดู และวิจารณ์ไปตามประสาชาวบ้าน
นะครับ
จากคุณ : Vicha [ ตอบ: 10 มี.ค. 49 16:15 ] แนะนำตัวล่าสุด | สมาชิกลานธรรมถาวร | ตอบ: 2072 | ฝากข้อความ |
|
|
เก็บความคิดเห็นที่ 71 : (Vicha)
|
|
ดูความคิดเห็นเก่าในกระทู้สมาชิกสัมพันธ์
ที่ผมคุยเมื่อตอน ปีใหม่
สวัสดีปีใหม่ ครับทุกๆ ท่าน
อากาศแถวบ้านเราก็คง ไม่มีอะไรพลิกแพลง
ไปมากเท่าไร
เหนือหนาว อิสานหนาวแห้ง กลางร้อนๆ หนาวๆ ใต้ฝนตกเล็กๆ น้อยๆ ตามฤดูกาล
ส่วนการเมืองลดองค์ศาความร้อนลงหน่อยหนึ่งจากประมาณปลายปี่ที่แล้ว แต่เห็นว่าจะเพิ่มความร้อนขึ้นอีก
เอ่ เราชะแล็บไปได้อย่างไงนี้!
ออ!
ข่าวเขาพูดกันเรื่องความร้อน เราก็เห็นว่าความร้อนความหนาวเกี่ยวกับอากาศ เลยชะแล็บไปไง?
.......
......
จากคุณ : Vicha [ ตอบ: 04 ม.ค. 49
ผมจึงไม่อยากเห็นการเมืองที่มีผลต่อการดำรงชีวิตของผมและทุกๆ
ท่านจบอย่างไม่ Happy ซึ่งไม่มีการกล่าวคำตอนจบว่า
สวัสดี อย่างยิ้มแย้ม เหมือนตอนดูหนังจบ
จากคุณ : Vicha [ ตอบ: 10 มี.ค. 49 16:53 ]
|
|
ความคิดเห็นที่ 137 : (Vicha)
|
ผมวางเฉย เรื่องนี้มาหลายวันแล้วจริงๆ เมื่อพอทราบจุดจบของเรื่อง
เพราะเมื่อถึงเวลากลุ่มชนปะทะกัน แล้วทุกอย่างก็จะจบลง (วันที่
2 เมษายน เลือกตั้ง แล้วได้ผลออกมานั้นไม่ใช่จุดจบของเรื่อง)
และเรื่องของกรรม มันก็เป็นไปตามกรรมจริงๆ ปิดหูปิดตาตนเองไปเสียหมดไม่เห็นทางที่จะหยุดเสียตั้งแต่ต้นลม
ของผู้ที่เป็นต้นปัญหา ที่สามารถจบอย่างสง่างาม และสามารถกลับมาอย่างสง่างาม
แต่ก็ดีทำให้เห็นธรรมในการปกครองที่ยังเป็นสีเทาหรือยังเป็นที่เคลือบแครงอยู่
แล้วไปยึดมั่นถือมั่นจนเลยพอดี จะเกิดผลเป็นอย่างไร?
ความจริงควรหลบหรือหยุดทั้งแต่ต้นแล้วจะไม่เจ็บปวดมากนักในตัวบุคคล
ส่วนระบบก็จะไม่บอบซ้ำมากเกินไป
แต่มันก็เป็นกรรมของสังคม ก็ยังดีที่ไม่เป็นบ้านป่าเมืองเถื่อนนะครับ
สังคมไทยในการปกครองเป็นอย่างนี้จริงๆ พอหอมปากหอมคอก็จะจบกันไปแบบเหมือนไม่มีเรื่องไม่มีราวอะไรกัน
ส่วนกรรมของบุคคลก็ต้องรับกันไปตามวาระของบุคคลนั้นๆ
นะครับ
ร่วมด้วยช่วยกันเสนอแนะแล้วแต่ช่วยอะไรไม่ได้
ก็ได้แต่ 
จากคุณ : Vicha [ ตอบ: 28 มี.ค. 49 10:49 ]
|
ความคิดเห็นที่ 4 : (Vicha)
|
|
ผมขอเสนอนิดหน่อยนะครับ
มีคุณธรรม จริยธรรม จะดำเนินแบบไหนก็ดีทั้งสองอย่าง
แต่มีปัญหาตรงที่แบบทุนนิยม เมื่อสร้างนิสัยแบบทุนนิยมสุดๆ
คุณธรรมย่อมไม่ค่อยสมบูรณ์ จริยธรรมก็ขาดๆ หายๆ ไป เพราะจะเอาทุน หรือกลุ่มทุน
เป็นของตนของพวกตน จนกลายเป็นแบบกินรวบ และก็ไม่รู้จักพอหรืออิ่ม
ยอมก่อกรรมทำเข็น(ย่อมทำผิดคุณธรรมและจริยธรรม แต่ไม่ให้ผิดกฎหมาย หรือกฎหมายเอื้อมไม่ถึง)ได้โดยการพยายามสร้างทาญาติ
หรือบ้างคนบางพวกก็ย่อมก่อกรรมทำเข็น(ย่อมทำผิดคุณธรรมและจริยธรรม
แต่ไม่ให้ผิดกฎหมาย หรือกฎหมายเอื้อมไม่ถึง) เพื่อเข้ารวมกันเป็นทาญาติ
ถึงแม้เป็นทุนนิยมแบบหวังกินรวบ
แต่เมื่อยังเป็นระบบประชาธิปไตยอยู่ ก็ย่อมมีการสับเปลี่ยนกัน(แบบวุ้นวาย)อยู่ดี
ในการถ่วงดุลในการปกครอง
จึงอย่าหวังการกินรวบเลย
พึงหวังว่าจะปกครองอย่างไร จึงจะถ่วงดุลกันอย่างสมบูรณ์ด้วยคุณธรรมและจริยธรรม นั้นแหละสังคมก็จะเจริญไปข้างหน้าอย่างพอเพียงและมั่นคง
จากคุณ : Vicha [ ตอบ: 11 ส.ค. 49 10:26 ]
|
ความคิดเห็นที่ 3 : (Vicha)
|
|
พอดีผมไม่ได้ประกอบธุรกิจแต่คิดว่า
ไม่มีเล่ห์เหลี่ยมแต่ทันคนทันทางการค้า
เพื่อธุรกิจดำรงอยู่ได้หรือเจริญขึ้น ก็ไม่ใช่สิ่งผิดมิใช่หรือ?
แต่เมื่อไหร่เราใส่เล่ห์เหลี่ยมลงไป
พยายามปิดโอกาสผู้อื่นทั้งหมด เพื่อตัวเองญาติมิตรและพวกฟ้องอย่างเดียว นั้นแหละความขาดคุณธรรมนั้นได้เริ่มขึ้นแล้วในจิตใจและพฤติกรรม
จากคุณ : Vicha [ ตอบ: 14 ก.ย. 49 10:58 ]
|
แล้ว ปลายปี 2549 วิบากกรรมอันเป็นอกุศล
จึงเริ่มสิ่งผลอย่างชัดเจนตามที่ได้สนทนากัน ด้วยการเกิดการปฏิวัติ
------------------------------------
ปี 2550 มีนิมิตบอกให้ทราบ
ลวงหน้าเกี่ยวกับคุณทักสิน -----------------------------------
ก็เข้ามาอ่านทุกวัน
แต่วันนี้มาบอกให้ทราบสารทุกข์สุขดิบ
วันนี้ป่วยครับ ออ..
ป่วยมาตั้งแต่คืนวันเสาร์แล้ว รูมาตอย ๆ
จับข้อมือด้านขวา เพราะไปตัดหญ้าหน้าบ้านที่รก
เป็นหนักไข้ขึ้นเลย ต้องปิดแอร์นอนในคืนนั้น คิดว่าเกือบหรือช็อกไปแล้วครับ
แต่ผมช็อกแปลกกว่าคนคือ มีสติๆ ๆ
ไม่มีสติก็ชั่งมัน เมื่อมีก็มีสติ
แล้วมันก็กระตุกแวบหายไปหนึ่งครั้ง กลับมาเหมือนเดิม แต่มันก็ยังทุกข์ทรมานไปเหมือนเดิม
จนอาการมันเต็มที่แล้วทุเราการทรมานลงตอนตี 3 อาการไข้ก็ซ่าลงพอจะนอนหลับได้ยาวขึ้น
เอาแหละเมื่อมาเขียนแล้วก็จะเขียนสิ่งที่เกิดให้รู้
มานานหลายวันแล้วกะว่าจะลงในเว็บส่วนตัวก็ยังไม่ได้ลง สมมุติเรื่องเป็นการเมือง
โอ่.... มีผู้ชายคนหนึ่งมีร่างกายแข็งแรง
กล้ามขึ้นเป็นมัดๆ (มีอำนาจมีเงินและเพาเวอร์สูง) แต่โดนรุมฟันเลือดไหลและเป็นแผลไปทั้งตัว
ตอนหลังผมเห็นโดนมีดแทงปักตรงราวนมที่หัวใจ แล้วดึงมีดออก ผมคิดว่าเขาต้องตายและเห็นเลือดไหลออกมา
แต่เขาไม่ล้มไม่ตาย แต่เขาก็หมดสภาพ และทำหน้าขึงขังว่า ต้องกลับมาใหม่
แล้วหลบออกไป
โอ่... หลังจากนั้น มีผู้ชายหลายคน
ร่วมกันยกชูผู้มีธรรม แห่แหนกันอย่างรื่นเริง เหมือนผมจะโดนยกไปด้วย
คือจะส่งเสริมผู้มีธรรมกันมากขึ้น
และไม่ทราบว่า เวลานั้นจะได้ไปยาวนานแค่ไหน
แต่ไม่เห็นผู้ชายคนที่ถูกรุมฟันและถูกแทงเข้าตรงราวนม นั้นมาปรากฏกายในช่วงนั้น
เอาเล่ากันแค่นี้พอ
จากคุณ : Vicha [ ตอบ: 11 มิ.ย. 50
ความคิดเห็นที่ 267 : (Vicha)
|
|
คุณมุ่งเต็มใจ คือ ผมเห็น ผู้คนต่างเชิดชู คนผู้มีธรรม แต่ไม่ยาวไปจนถึงผู้ชายที่มีกล้ามเป็นมัดๆ
ที่ได้รับบาดเจ็บสาหัส กลับมาเมื่อบาดแผลหายแล้วครับ อาจจะดูกันไปเป็นฉากๆ หรือช่วงไปก่อนก็ได้
แต่ก็โอ้.... แม่นจังเลยคุณมุ้งเต็มใจ บอกให้ผมทราบก่อนทั้งหลายๆ
วัน....
ตอนนั้นก็ยังไม่รู้ว่า
ผู้ชายที่มีกล้ามเนื้อเป็นมัดๆ ที่มีแผลถูกรุมฟันเต็มไปหมด (รู้อยู่แล้วถึงแผลที่ถูกรุมฟันเต็มไปหมดมีอะไรบ้าง ก็ตามข่าว ที่ผ่านๆ
มา) แต่ยังไม่รู้ถึงการโดนแทงตรงราวนมตรงหัวใจที่ผมเห็นจะๆ คืออะไร?
แต่มาวันนี้
ผมพึ่งมารู้ได้จากข่าวเมื่อวานเอง (หัวใจของนักธุรกิจก็คือ
เงิน)
ขยับตัวก็มีแต่เจ็บ ถูกหมัดเย็บไปเรื่อย
นิ่งเสียจะไม่เหนื่อย จะไม่เปื่อย เมื่อหยุดเป็น
มีกำลังก็ว่ากันใหม่ อาจยิ่งใหญ่
เมื่อปัญญาเห็น
ไม่ก่อให้เกิดทุกข์เข็น เพราะประเด็นการเมืองธุรกิจ
ก็ได้แต่วาง
และดูไปอย่างสงบๆ ต่อไป กับสิ่งที่เกิดขึ้นมาให้รู้ก่อน
สนทนากันมีสาระบ้างไม่มีสาระบ้าง ไปเรื่อยๆ
นะ
จากคุณ : Vicha [ ตอบ: 12 มิ.ย. 50 15:48 ]
|
จนถึง ณ. วันนี้ 11 กันยายน 50 นี้
คุณทักสินและครอบครัว ก็ยังโดน คตส. ตามล่วง ตามฟาดพัน ยังไม่หยุด
และแถมมีมูลปรากฏให้ติดตามเป็นระยะๆ
ตามนิมิตที่ผมเห็นคงยังไม่หยุด จนถูกฟาดพันเลือดไหลซิบๆ และตอนทายถูกแทงเข้าตรงราวนมด้านซ้าย(หัวใจ)
จึงถึงที่สุด (แต่ไม่ยักล้มลง)
เพราะอยู่ในประเทศอังกฤษ ได้อย่างปกติ
และในนิมิตรู้ว่ารัฐบาลยุดใหม่นี้
เชิดชูผู้มีคุณธรรมความดี กันมากขึ้น