เมื่อเกิดมีพระอินทร์หรือองค์อมรินทร์จริงถึงสามองค์
เป็นเรื่องชวนสับสน
ไม่ใช่สับสนธรรมดาตามประชาชาวโลก
เพราะที่เล่านั้นเกินจากมิติของโลกมนุษย์ที่ชวนให้สับสนอยู่แล้ว แต่เกิดการสับสนซ้อนเข้าไปอีก
จนผมแทบตัดสินใจยุติเรื่องเหล่านี้ไปเลยที่เดียว ด้วยคิดว่า อุปทานปรุงแต่งผิดเพียนไปเองก็ได้
ผมขอทำความเข้าใจเสียก่อนว่า
ในการสื่อสัมผัสทางจิตกับโอปาติกะ นั้นไม่ใช่ว่า
โอปาติกะผู้นั้นจะต้องเคลื่อนย้ายรูปกายมายังที่เราอยู่ คือยังอยู่ในที่เดิมของเขา
ส่วนโอปาติกะที่เป็นเทพนั้นก็จะมีบางท่านที่มีทิพย์ที่สามารถเห็นเราได้แม้ว่าจะอยู่ใกล แต่บางท่านก็ไม่เห็นแต่สนทนากันได้
ส่วนเรานั้นไม่สามารถเห็นโอปาติกะเหล่านั้นได้เลย
แต่แยกแยะได้ถ้าวางใจให้เป็นกลางก็จะรู้ได้ด้วยการสนทนาถึงความแตกต่างกันของแต่ละโอปาติกะนั้น
แต่เสียงก็เป็นเสียงของผู้สื่อสัมผัส ก็ทำให้แยกแยะได้ยากขึ้นอีกสักหน่อย
แต่แม้แต่คนเราธรรมดาสัก 10 คน ลักษณะการคุย
เนื้อหาในการคุย ทั้งความรู้ ปัญญา ไหวพริบในการคุย ของแต่ละคนก็แตกต่างกัน
พอแยกแยะได้
และแม้แต่บทความของแต่ละคนที่เขียนโดยอิสระที่สื่อออกมาเป็นตัวหนังสือ
ก็ยังพอแยกแยะได้ว่าเป็นคนละคนกันที่เขียนบทความ(ถ้าไม่มีเจตนาเรียนแบบ)
และด้วยผมกับแฟน ก็ไม่มีเหตุอันใดที่แฟนต้องมาหลอกลวงผม
และเขาก็ไม่มีจิตที่จะหลอกลวงผม
ด้วยเขาก็ไม่จำเป็นต้องพึ่งต้องงอผม
ด้วยเขาก็มีงานมั่นคงทำมีเงินเดือนเป็นของตนเอง
จึงเหลือเพียง 2 กรณีเท่านั้นคือ 1.สื่อสัมผัสได้จริง กับ
2. ปรุงแต่งอุปาทานไปเอง
เพราะไม่มีเรื่องลาภผลประโยชน์ทางลาภที่ต้องหลอกลวงกันเข้ามาเกี่ยวข้องเลยสักนิดเดียว
เริ่มเรื่องของความสับสน
เริ่มเมื่อปีปลายปี 2547 สามปีมาแล้ว พระอินทร์ได้มาสื่อสัมผัสทางใจ
แล้วมาทดลองใจ และเหตุการณ์ก็จบไปด้วยดี โดยพระอินทร์บอกให้ทราบว่า
ท่านเป็นพระอินทร์องค์ใหม่ มาครองต่ำแห่นงประมาณ 200 ปีของโลกมนุษย์เรา
พระอินทร์องค์เก่าได้เปลี่ยนภพภูมิที่มีคุณธรรมสูง กว่าไปแล้ว
และผมก็เชื่ออย่างนั้นมาตลอด
และเชื่อว่าพระอินทร์มีเพียงองค์เดียว
และอีก 3 ปีต่อมา เมื่อ 30 ก.ค. 50
ก็ได้มีโอปาติกะที่มาสื่อสัมผัส อ้างว่าเป็น องค์อมรินทร์
แต่เมื่อถามว่าท่านเป็นเทวดาอยู่สวรรค์ชั้นไหน ท่านก็บอกว่า อยู่ชั้น จาตุ
ผมก็ งง อยู่เหมือนกัน แต่ก็จำได้ว่าในพระไตรปิฎกก็มีกล่าวว่า
มีบุตรของท้าวโลกบาลทั้ง 4 ที่ปกครองอยู่ชั้นจาตุมหาราชิกา มีชื่อว่า อินทร์ เป็นเทวดาชั้นผู้ใหญ่ของชั้นจาตุ
ดังนั้นท่านใช้ชื่อว่า องค์อมรินทร์ ก็พอเป็นไปได้
แต่เมื่ออีก 3 เดือนต่อมา ประมาณวันที่
5 ตุลาคม 50 นี้ แฟนผมต้องการหาบ้านใหม่เพื่อหนีเสียงเครื่องบิน
จึงทำให้เกิดมีการสื่อสัมผัสขึ้นมา ดังเรื่องที่พิมพ์ไว้ต่อไปนี้
เมื่อประมาณอาทิตย์แรกของเดือนตุลาคม
2550 นี้
ภรรยาข้าพเจ้าเกิดอยากสื่อสัมผัสกับเทวดาโดยไม่ได้เจาะจงเพียงเพื่อประสงค์จะสนทนาเรื่องหาบ้านใหม่
หนีเสียงเครื่องบิน
เมื่อทำการสื่อสัมผัส ผมก็ถามว่า ท่านเป็นใคร
แล้วเทพองค์นั้นตอบว่า เราเป็นองค์อมรินทร์
ผมก็งงนิดหนึ่งจึงถามว่า ท่านเป็นองค์อมรินทร์
ที่ปกครองเทวดาชั้นดาวดึงส์
เทพองค์นั้นตอบว่า ใช่
เราปกครองอยู่ชั้นดาวดึงส์
ผมชักแปลกใจจึงถามว่า ท่านเป็นองค์อมรินทร์ที่ปรารถนาเป็นอัครสาวกเบื้องซ้ายใช้หรือไม่
อมรินทร์องค์นั้นตอบ
เราไม่ได้เป็นองค์เดียวกัน
และเราก็ไม่ทราบ เพียงแต่เรามีจิตที่จะบอกว่า ท่านไม่ต้องรีบร้อนเรื่องบ้าน
ด้วยเมื่อท่านทั้งสองยังดำรงตนอยู่ในศีลในธรรมอย่างนี้ ท่านจะไม่ตกต่ำกว่านี้แล้ว
เรื่องที่อยู่ใหม่ท่านก็จะได้เองเมื่อถึงเวลาเหมาะสม
แต่ใจของผมสับสันและงงในเรื่ององค์อมรินทร์ผู้เป็นใหญ่ปกครองชั้นดาวดึงส์นั้นมีเพียงองค์เดียวเท่านั้น
แต่ตอนนี้กลับเกิดมีสององค์แล้ว ผมจึงถามว่า ท่านได้เป็นองค์อมรินทร์ กี่ปีมาแล้ว
องค์อมรินทร์ก็ตอบว่า ท่านหมายถึงปีของเทพหรือของมนุษย์
ผมจึงบอกว่า ปีที่เทียบกับโลกมนุษย์
องค์อมรินทร์ก็ตอบว่า ก็หลายร้อยปีมาแล้ว
ผมถึงตอนนี้ทั้งสับสนทั้งขัดเคืองขึ้นแล้วพูดว่า แล้วทำไม องค์อมรินทร์
จึงมีหลายองค์จัง แต่ในพระไตรปิฎกได้เขียนและกล่าวอย่างชัดเจนว่า
มีเพียงองค์เดียวเท่านั้นที่ปกครองชั้นดาวดึงส์
ซึ่งมันเป็นข้อมูลที่ขัดแย้งกับพระไตรปิฎกมาก
องค์อมรินทร์นั้นก็กล่าวว่า เราก็ไม่ทราบว่าในพระไตรปิฎกกล่าวไว้อย่างไร
แต่เราทราบว่าเหล่าเทวดาทั้งหลายในส่วนของเรา ต่างยกและแต่งตั้งเราเป็นองค์อมรินทร์ปกครอง
ด้วยความที่ข้อมูลผิดเพี้ยนผมก็เกิดการขัดใจ จึงกล่าวว่า อย่างนั้น
เทวดาองค์ไหนก็อยากตั้งตนเองเป็นองค์อมรินทร์ก็ได้
องค์อมรินทร์นั้นก็กล่าวว่า เราไม่ได้แต่งตั้งตนเอง แต่บุญที่ทำไว้ได้ส่งผลแล้วเหล่าเทพทั้งหลายในอาณาบริเวณแต่งตั้งให้เป็นองค์อมรินทร์
หลังจากนั้นข้าพเจ้าถามถึงบุญที่ส่งให้ท่านเป็นอมรินทร์ ว่าเกิดจากอะไร
องค์อมรินทร์ก็บอกข้าพเจ้าว่า บุญที่ท่านได้อุปฐาก
พระภิกษุรูปหนึ่งที่เห็นว่ามีจิราวัตดีและเป็นพระอริยะอย่างเต็มกำลังด้วยจิตที่เต็มไปด้วยศรัทธาและกระทำโดยตลอด
แต่ด้วยผมยังขัดเคืองเรื่องข้อมูลที่มีองค์อมรินทร์สององค์ครองชั้นดาวดึงส์ไม่รู้องค์ไหนจริงองค์ไหนเท็จจึงพูดไปว่า
เรื่ององค์อมรินทร์มีหลายองค์ที่ปกครองชั้นดาวดึงส์
ผมยอมรับไม่ได้ ทำไมต้องมาหลอกอ้างกันหลายท่าน ซึ่งไม่ตรงกับพระไตรปิฎก ผมก็คงเลิกสนทนา
หลังจากนั้นก็ยุติการสนทนา
และไม่อยากสื่อสัมผัสอีกเพราะเห็นว่า ข้อมูลมันชักจะเพี้ยนๆ ไปใหญ่แล้ว
และกลายเป็นว่าที่ผ่านมาของการสื่อสัมผัสเป็นเรื่องที่เชื่อไม่ได้ และสับสนข้อมูลตีกันมั่ว
จะเชื่ออะไรได้
เวลาผ่านมาอาทิตย์กว่าในคือวันอาทิตย์ที่ 14/ต.ค./50
ด้วยความใจตรงกันของผมและภรรยาเพราะมันอย่างไร? อย่างไรอยู่นะ
ผมจึงบอกภรรยาว่า ลองสื่อสัมผัสเทวดาสนทนาดูซิ ภรรยาก็บอกว่าลองดู
โดยไม่ได้เจาะจงแต่ขอเป็นเทวดาชั้นดาวดึงส์
แล้วมีเทวดาองค์หนึ่งมาสื่อสัมผัส ผมก็ถามว่า ท่านชื่ออะไร
เทวดานั้นบอกว่า ไม่ต้องทราบชื่อเราหรอก
เพราะไม่เป็นสาระสำคัญ
ผมจึงถามว่า ท่านเป็นเทวดาอยู่กันหลายท่านหรือ?
เทวดาบอกว่า เราอยู่
กันหลายท่าน
ผมถามต่อ อย่างนั้นท่านเป็นเจ้าของวิมานใช่ไหม?
เทวดาตอบว่า เราไม่ใช่เจ้าของวิมาน
เราเป็นบริวารอยู่กับพระแม่เจ้า
ผมจึงถามว่า อย่างนั้นท่านเป็นบริวารของคู่ครองบารมีของพระโพธิสัตว์ที่จะเป็นพระศรีอริยเมตตรัยชิ? (เพราะผมคิดว่า
พระแม่เจ้า ต้องเป็นคู่ครองบารมี)
เทวดาตอบว่า
ไม่ใช่
ท่านพูดจนเรานี้ปีติเลย พระแม่เจ้าของเราเป็นเทวดาอยู่บนชั้นดาวดึงส์นี้เอง
ผมจึงถามว่า แล้วเหล่าเทวดาที่เป็นบริวารพระแม่เจ้ามีจำนวนเท่าไร?
เทวดาตอบว่า เราไม่อยากบอกท่าน
เดี่ยวท่านไม่เชื่อ
ผมเลยคะยั้นคะยอ
ว่า บอกเถอะ
ผมอยากทราบเพื่อเป็นข้อมูล
เทวดาก็บอกว่า มีเป็นโกฏิท่าน
ผมได้ฟังผมก็เฉยๆ เพราะแค่ 10ล้านท่าน
นั้นในหนังสือก็กล่าวไว้หลายเล่มที่มากกว่านั้น จึงไม่รู้สึกว่าจะไม่เชื่อ
แล้วผมไดถามเทวดาต่อไปว่า อย่างนั้นพระแม่เจ้าของท่านเป็นมเหสีขององค์อมรินทร์ท่านหนึ่งชิ?
เทวดาตอบว่า ไม่ใช่
พระแม่เจ้าไม่ได้เป็นมเหสีของพระอินทร์
ผมจึงถามว่า แล้วท่านเกิดเป็นเทวดานานแค่ไหนแล้ว?
เทวดาตอบว่า
เราเกิดเป็นเทวดามาพันกว่าปีแล้ว
ผมจึงถามว่า อย่างนั้นท่านก็รู้จักพระอินทร์ชิ?
เทวดาตอบว่า ไม่เคยเห็นตัวจริงของพระอินทร์
แต่รู้จักว่าท่านเป็นผู้ที่รักษาศีลและธรรมอยู่เป็นประจำ
ผมจึงถามด้วยความสงสัยว่า แล้วตลอดพันกว่าปีที่ท่านเกิดเป็นเทวดา
พระอินทร์ก็เป็นพระอินทร์องค์เดียวตลอดหรือ?
เทวดาตอบว่า เป็นองค์เดียวมาตลอด
ผมจึงถามว่า อย่างนั้น พระอินทร์องค์นี้ก็เป็นพระโสดาบันที่ได้พบกับพระพุทธเจ้าใช่หรือไม่ครับ?
เทวดาตอบว่า เราไม่ทราบในรายละเอียด
เราเพียงแต่รู้ว่าเมื่อเราเกิดมาเป็นเทวดาพันกว่าปีแล้ว ก็มีพระอินทร์องค์นี้ปกครองโดยตลอด และท่านก็มีภารกิจมาก
ได้ข่าวว่าท่านเป็นผู้อยู่ในศีลธรรม และเราก็ไม่เคยได้เห็นท่านเลย
เมื่อเทวดาตอบอย่างนี้ความแปลกประหลาดใจของข้าพเจ้าก็เพิ่มขึ้นและไม่มีเรื่องอะไร
ที่จะสนทนาต่อกับเทวดาองค์นี้ จึงขอบคุณท่านที่ได้มาสนทนาและให้ข้อมูล
เมื่อยุติการสื่อสัมผัสกับเทวดาองค์นี้แล้ว ภรรยาก็พูดว่า "ทำไมไม่สื่อสัมผัสกับพระอินทร์นี้ให้ทราบว่าเป็นอย่างไรละ?" ผมก็บอกว่าเอาสิ "ดูชิว่าจะออกมาในรูปแบบไหน?"
นับว่าเป็นการสื่อสัมผัสกับพระอินทร์โดยอธิษฐานอ้างอย่างตรงๆ
แต่ผมได้รู้เพราะภรรยาอธิษฐานเองในใจบอกให้ทราบในภายหลัง
เมื่อมาสัมผัสแล้วเทพองค์นั้นเรียกข้าพเจ้าก่อนเลยว่า โพธิสัตว์น้อย แล้วก็เงียบนิ่งเงียบไปเหมือนรับรู้แล้วยั้งเชิง
ผมถามว่า
ท่านเป็นใคร
บอกชื่อได้ไหมครับ?
เทพองค์นั้นก็บอกว่า ไม่จำเป็นต้องทราบชื่อของเราก็ได้เพราะมันไม่ใช่สาระสำคัญ
แต่เมื่อผมถามว่า ท่านเป็นองค์อมรินทร์ใช่ไหมครับ
พระอินทร์ก็ตอบว่า ใช่เราคือองค์อมรินทร์
ผมถามว่า ท่านเป็นผู้ปกครองเทวดาชั้นดาวดึงส์ใช่ไหม?
พระอินทร์ตอบว่า ใช่
ผมถามว่า ท่านเป็นองค์อมรินทร์
ที่ปรากฏในพระไตรปิฎกในสมัยที่พระพุทธเจ้ามีประชนชีพที่ได้บรรลุเป็นพระโสดาบันใช่ไหม?
พระอินทร์ตอบว่า ใช่ เราเป็นผู้เดียวกับที่ท่านกล่าว
ผมก็ถามว่า เป็นอันว่าตลอดตั้งแต่พระพุทธเจ้ามีประชนชีพจนถึงเดียวนี้
ท่านก็เป็นองค์อมรินทร์ปกครองชั้นดาวดึงส์โดยตลอด
พระอินทร์ตอบว่า ใช่
ผมจึงยิงคำถามเข้าปัญหาที่เกิดขึ้นว่า
ทำไม
มีเทพเทวาดาบางท่าน อ้างชื่อว่าเป็นองค์อมรินทร์เหมือนท่านหลายคนเล่า?
พระอินทร์ตอบว่า อาจเพราะมีมนุษย์ไปอุปโลกท่านเป็นองค์อมรินทร์ ท่านเลยสมยอมแสดงบทไปด้วย
ผมจึงยิงคำถามที่สำคัญว่า ก็มีผู้ทีอ้างว่าเป็นองค์อมรินทร์ปกครองชั้นดาวดึงส์
และได้มาปรารถนาเป็นอัครสาวกเบื้องซ้ายกับกระผม
พระอินทร์ตอบเหมือนไม่รู้มาก่อนว่า จริงหรือ? เราไม่ทราบ
ผมก็ย้ำไปว่า ก็มาสื่อสัมผัสแบบที่ท่านสื่อสัมผัสนี้แหละ
พระอินทร์ก็ถามว่า แล้วมาสื่อสัมผัสแบบนี้กี่ครั้งแล้ว
ผมก็ตอบว่า ว่าสื่อสัมผัสประมาณ
4 หรือ 5 ครั้งแล้ว
หลังจากนั้นพระอินทร์ก็เงียบเหมือนกับนั่งสมาธิ
แล้วท่านก็ยิ้มพยักหน้าเหมือนกับคุยทางจิตอยู่กับผู้อื่น
หลายครั้งหลายคราอยู่พักหนึ่งแล้วท่านก็พูดกับข้าพเจ้าในเชิงยั้ง ๆ ข้าพเจ้าว่า โพธิสัตว์น้อย
อาจเป็นพระอินทร์จากจักรวาลอื่นก็ได้
ผมจึงถามไปว่า เป็นไปได้อย่างไรครับ
เพราะมันไกลกันมากๆ
พระอินทร์จึงบอกผมว่า
โพธิสัตว์น้อยเมื่อบุญบารมีมันเหมาะสมสมดุลกัน
สิ่งเหล่านี้ย่อมเกิดขึ้นได้
ผมจึงถามว่า มันเป็นอย่างไรผมไม่เข้าใจครับ
โปรดอธิบายให้ผมเข้าใจหน่อยนะครับ
แล้วพระอินทร์อธิบายให้ฟังว่า
ในสมัยที่มีพระพุทธเจ้าเหตุการณ์อย่างนี้ย่อมเกิดขึ้นได้ง่าย
และในช่วงที่พระพุทธเจ้ามีประชนชีพอยู่ เหล่าเทพเทวดาทั้งหลาย
จากจักรวาลที่นับไม่ถ้วนได้มาประชุมรวมกันได้ ด้วยรูปกายแท้ๆ ดังนั้นเหล่าเทวดาต่างจักรวาลย่อมไปมาหาสู่กันได้โดยสะดวกระหว่างจักรวาล
มายังจักรวาลนี้ ในช่วงที่พระพุทธเจ้าอุบัติขึ้นในจักรวาลนี้
และพระอินทร์พูดต่อไปอีกว่า ส่วนการสื่อสัมผัสจิต เป็นเรื่องที่ง่ายและสะดวกกว่ามาก
ส่วนโพธิสัตว์น้อยในชาตินี้ท่านได้เกิดเป็นมนุษย์ธรรมดา
สามารถระลึกตนเองได้ สามารถสร้างบุญบารมีได้อย่างนี้ นับว่าเป็นบุญอันประเสริฐแล้ว
ทั้งยังก่อให้เกิดสิ่งเหล่านี้ได้ นับว่าประเสริฐกว่าที่ท่านเกิดเป็น เทพเทวดา
หรือมหาเทพ หรือองค์อมรินทร์ ที่ไม่สามารถก่อให้เกิดสิ่งเหล่านี้ได้
ผมยอมรับว่าผมพูดอะไรไม่ออก เมื่อทราบเรื่องมีองค์อมรินทร์ต่างจักรวาลที่เราอยู่ได้มาสื่อสัมผัส
กับมนุษย์ที่อยู่ในจักรวาลนี้ที่เคยมีบุพกรรมร่วมกันมา
เหมือนกับแนวคิดอินเทรนของหนังวิทยาศาสตร์สมัยใหม่
ที่เดินทางทะลุระหว่างมิติจักรวาล
แล้วจะเกิดจากไอเดียของภรรยาหรือ? เพราะแม้แต่ภรรยาเองก็คิดไปไม่ถึงเลยว่า
จะออกมาในรูปแบบนี้
หลังจากนั้นผมก็ขอให้พระอินทร์แนะนำสั่งสอนบอกกล่าวกับผม
แล้วพระอินทร์ก็แนะนำสั่งสอนหลายเรื่อง แต่ไม่ขอพิมพ์ก็แล้วกันเพราะจะยืดยาวเกินไป
หลังจากพระอินทร์ให้ศีลให้พร ก็ยุติการสื่อสัมผัสกับพระอินทร์ ซึ่งเป็นการสื่อสัมผัสกับพระอินทร์ที่ปรากฏในพระไตรปิฎกที่เป็นพระโสดาบันบอกให้ทราบเป็นครั้งแรกในช่วงเวลาสื่อสัมผัสมาเกือบถึง
20 ปี
เมื่อได้ยุติสื่อสัมผัสกับพระอินทร์ในจักรวาลที่เราอยู่นี้แล้ว ผมก็เห็นควรว่าควรจะสื่อสัมผัสจิตกับพระอินทร์ที่ปรารถนาเป็นอัครสาวกเบื้องซ้าย
เพราะผมคิดว่าท่านคงรออยู่ เพราะตอนที่พระอินทร์ในจักรวาลที่เราอยู่นี้
นิ่งเข้าสมาธิ ก็คงไปสื่อสัมผัสจิตกับพระอินทร์
ในจักรวาลอื่นที่เป็นผู้ปรารถนาเป็นอัครสาวกเบื้องซ้าย
เพราะเห็นท่านยิ้มและพยักหน้าหลายครั้งหลายคราเหมือนกับคุยอยู่กับผู้อื่นทางจิต
เมื่อภรรยาสื่อสัมผัสทางจิต พระอินทร์ต่างจักรวาลองค์นั้นก็มาสัมผัส ผมจึงถามว่า ท่านเป็นพระอินทร์ต่างจักรวาลที่ปรารถนาเป็นอัครสาวกเบื้องซ้ายในสมัยของผมใช่ไหมครับ?
พระอินทร์ต่างจักรวาลตอบว่า ใช่
หลังจากนั้นก็มีการคุยในเรื่องปลีกย่อยกันเล็กน้อยในเรื่องทั่วไป
ต่อจากนั้นผมได้ถามว่า ตอนที่สื่อสัมผัสอยู่นี้ท่านได้เข้ามาอยู่ในสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ในจักรวาลที่ผมอยู่หรือ?
พระอินทร์ต่างจักรวาลตอบว่า เราก็อยู่ในที่อยู่ของเราดังเดิม
ไม่ได้ย้ายรูปกายไปที่ไหน เพียงแต่อาศัยการสื่อสัมผัสจิตเท่านั้นบวกกับทั้งความเป็นทิพย์อภิญญาของเทวดาเราจึงเห็นและรู้ได้อย่างดี ถ้าเราย้ายรูปกายไปยังจักรวาลที่ท่านอยู่
ย่อมทำให้เหล่าเทพสับสนวุ่นวายน่าดู จึงไม่จำเป็นหรือเห็นควรว่าต้องย้ายไปในจักรวาลที่ท่านอยู่
หลังจากสนทนากันเล็กน้อยแล้ว ก็ยุติการสนทนา
แต่การสนทนาครั้งนี้ก็ทำให้ยังมีเหตุมีผลที่พอเชื่อได้อยู่
ไม่เช่นนั้นผมคงห่างและถอยไม่อยากสื่อสัมผัสอีกนี้แน่เลย
เพราะมันชักจะเพี้ยนไปมากจากหลักฐานที่อ้างอิงได้ในพระไตรปิฎกจนเกินไป
แต่ในพระไตรปิฎกนั้นได้กล่าวถึงเทพเทวดา
ถึงหมื่นโลกธาตุที่มาประชุมรวมกันเพื่อฟังธรรมจากพระพุทธเจ้าหรืออันเชิญพระมหาโพธิสัตว์ลงมากเกิดเพื่อตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า
จึงทำให้มีเหตุมีผลที่อ้างอิงได้อยู่ และไม่หลุดจากกรอบของหลักฐานที่มี
ซึ่งโลกธาตุ แบ่งเป็น 3 ประเภท ดังนั้น
โลกธาตุขนาดเล็ก
จะมีจำนวนพันจักรวาล
คือจะมีพระอินทร์พันองค์ จะมีท้าวมหาพรหมพันองค์
โลกธาตุขนาดกลาง จะมีจำนวนล้านจักรวาล คือจะมีพระอินทร์ล้านองค์
จะมีท้าวมหาพรหมล้านองค์
โลกธาตุขนาดใหญ่
จะมีจำนวนล้านล้านจักรวาล .....
ดังนั้นถ้ากล่าวถึง หมื่นโลกธาตุ
ย่อมมีจำนวนจักรวาลที่นับไม่ถ้วนเลยที่เดียว ตามพระไตรปิฎกและพระอรรถกถา
เนื่องจากจักรวาลที่เราอยู่นี้เป็นจักรวาลที่มีพระพุทธเจ้าอุบัติขึ้นได้
ย่อมเป็นจักรวาลที่อยู่ในโลกธาตุขนาดใหญ่
ก็คือมีจักรวาลอยู่รวมๆ กัน ถึงล้านล้านจักรวาล
เป็นอันว่าเมื่ออิงอ้างหลักฐานตามพระไตรปิฎกและพระอรรถกถา
ก็ยิ่งทำให้เหตุการณ์ที่ปรากฏกับกระผม นั้นเป็นเพียงเหตุการณ์ที่เกิดเพียงขี้ปะติ้วนิดเดียวเอง
แต่ก็ดีที่ยังมีเหตุและมีผลอ้างอิงได้อยู่ ไม่ใช่ว่าจะเพี้ยนๆ ไปใหญ่ จนเลยเถิด
จนหลงตัวหลงตนโดยไม่มีข้อมูลอื่นๆ รองรับ
หมายเหตุ คำว่า "ข้าพเจ้า" กับ "ผม"
ปนกันนะครับ
และคำว่า "ภรรยา" กับ "แฟน" ปนกันนะครับ
และคำว่า พระอินทร์ กับ องค์อมรินทร์ ปนกันนะครับ