เมื่องานเลี้ยงเลิกรา

การสื่อสัมผัสกับ โอปปาติกะ ระหว่างข้าพเจ้าและภรรยา เริ่มตั้งแต่ปี 2529 มีจนถึง ปี 2552 เป็นเวลาถึง 23 ปี สำหรับเรื่องเหตุการณ์ทั่วๆ ภายในครอบครัว และปัญหาต่างๆ เมื่อได้รับการบอกกล่าว หรือได้ถามปัญหาตรงๆ ก็จะมีความแม่นยำอยู่ประมาณ 60-70 % จึงมีความคลาดเคลื่อนอยู่ ถือว่าค่อนข้างมากทีเดียว

ข้าพเจ้าเคยวิเคราะห์ไว้แล้วว่า ถ้าความผิดพลาดหรือคลาดเคลื่อนนั้นตรงกับเรื่องที่สำคัญหรือเรื่องใหญ่ในชีวิตของภรรยาสัก 2 หรือ 3 ครั้ง ความศรัทธาและความเชื่อมั่นในเรื่องการสื่อสัมผัสของภรรยาจะมลายหายไปทันที แต่ตลอดเวลา 20 กว่าปีนั้นเหตุการณ์ที่พลิกผันยังไม่ปรากฏ.

และเมื่อช่วงต้นปี 2552 ข้อมูลทุกอย่างเกี่ยวกับความปรารถนาหลั่งไหล ให้ข้าพเจ้าทราบจนหมดสิ้นแล้ว แต่ก็ก่อนหน้านั้นเกิดเหตุการณ์ ผิดพลาดครั้งสำคัญ ในเรื่องซื้อที่ดินที่ชัยภูมิ ทั้งโดนคน(มนุษย์)หลอกลวงและเทพที่สื่อสัมผัสก็ร่วมผิดพลาดไปด้วย ซึ่งเป็นเรื่องใหญ่พอสมควรในชีวิตครั้งนั้น ก็ทำให้เกิดปมสงสัยขึ้นมากับใจของภรรยาข้าพเจ้าอย่างมากว่าเป็นการอุปาทานไปกันมากหรือเปล่า? แต่สำหรับข้าพเจ้านั้นมองในแง่ของข้อมูล ที่อยากรับทราบเพื่อวิเคราะห์เท่านั้น จึงหาได้ยึดมั่นว่าต้องถูกต้องแม่นยำ จึงย่อมมีความคลาดเคลื่อนอยู่เป็นธรรมดา

ส่วนการสื่อสัมผัสตอนท้ายๆ เมื่อหมดสิ้นข้อมูลแล้ว มีพระอรหันต์ที่เป็นเทพมาสื่อสัมผัส และกล่าวกับข้าพเจ้าว่า

“โพธิสัตว์น้อย ข้อมูลต่างๆ ที่ควรทราบ โพธิสัตว์น้อยก็ได้ทราบหมดแล้ว ไม่มีสิ่งใดที่จะสอบถามอีกแล้ว บารมีส่วนนี้สมบูรณ์แล้ว ไม่ควรจะสื่อสัมผัสสนทนากันอย่างนี้อีกแล้ว ต่อไปโพธิสัตว์น้อยต้องสร้างบารมีด้วยปัญญาของตนเอง ต้องปฏิบัติธรรมให้ปัญญาญาณเจริญและเอียดยิ่งกว่านี้”

หลังจากนั้นข้าพเจ้าก็ไม่ค่อยได้สนทนาเพื่อสอบถามเรื่องการสร้างบารมี ว่าเป็นอย่างนั้นเป็นอย่างนี้ หรือจะต้อง/ควรทำอย่างนั้นหรือจะต้อง/ควรทำอย่างนี้อีก เพราะหมดคำถามอย่างสิ้นเชิง จึงเหลือการสื่อสัมผัสเรื่องทั่วๆ ไป ตามที่ภรรยาต้องการ หรือข้าพเจ้าเกิดนึกสงสัยเรื่องโลกทั่วไปเมื่อไม่มีอะไรทำ แต่น้อยแทบจะไม่มีแล้วสำหรับข้าพเจ้า.

ปลายปี 2552 ความผิดพลาดครั้งใหญ่ ก็ได้เกิดขึ้นเกี่ยวกับเรื่องการเลื่อนตำแหน่งในหน้าที่การงานของภรรยา ซึ่งภรรยาหวังเป็นอย่างมาก เมื่อสื่อสัมผัสเทพเทวดาก็บอกว่า กึ่งๆ และค่อยข้างจะไม่ได้เสียมากกว่า แต่ด้วยภรรยาหวังมากจึงทำบุญปฏิบัติกรรมฐานอย่างหนัก จนเทพเทวดาที่มาสัมผัสก็บอกว่าได้มากกว่า แต่ก็อาจจะไม่ได้ ภรรยาจึงทำบุญหนักไปอีก จนเทวดาบอกว่าได้ชัวร์ ผมก็สงสารภรรยาจึงเข้าสมาธิดูให้ ก็เกิดนิมิตรู้ว่าเขาได้เลื่อนตำแหน่ง แต่ภรรยากลับไม่มีหัวหน้าหรือผู้บังคับบัญชาหนุนเลยครับ ซึ่งผู้บังคับบัญชากลับไปหนุนบุคคลอื่นถึง 2 คน

เมื่อผลปรากฏออกมา ภรรยาข้าพเจ้าไม่ได้เลื่อนตำแหน่ง และผู้ที่ผู้บังคับบัญชาสนับสนุนทั้ง 2 คนนั้นก็ไม่ได้สักคนเดียว ความผิดหวังและความเสียใจของภรรยาจึงไม่ได้มากนักเมื่อเทียบกับ 2 ท่านนั้น

แต่คนที่มีชื่อเดียวกับภรรยาของข้าพเจ้า ซึ่งอยู่ในส่วนอื่น กลับได้เลื่อนตำแหน่ง นี้แหละคือความคลาดเคลื่อนสำหรับผมในการใช้สมาธิดูนิมิตที่เกิดขึ้น แต่กับภรรยานั้นกลับเห็นว่าเป็นความผิดพลาดแบบหน้ามือเป็นหลังมืออย่างสิ้นเชิง ประกอบกับความมุมานะ ในการทำบุญมากปฏิบัติธรรมมาก เพื่อตำแหน่งนั้น จนเทพทั้งหลายที่มาสัมผัสบอกว่าไว้ได้แน่นอน แต่กลับไม่ได้ จึงหมดศรัทธาเพราะความผิดหวังอย่างมุมานะนั้น จึงคลายการสื่อสัมผัสนั้นลง.

 

สรุป สุดท้ายงานเลี้ยงทุกงานย่อมมีวันเลิกราเป็นธรรมดา แต่การทำบุญและการปฏิบัติธรรมนั้น ก็คงยังทำและปฏิบัติอยู่เนื่องๆ จนสิ้นอายุขัยเป็นธรรมดา.