กิมพิละ, มหาสาวก(๑๒)

       เป็นเจ้าศากยะองค์หนึ่ง ออกบวชพร้อมกับพระอนุรุทธะ

พระอานนท์  พระภัททิยศากยะ  พระภัคคุ  พระเทวทัต 

ซึ่งเป็นพระสหายสนิทกัน ส่วนพระอุบาลีเป็นช่างแต่งผม (ภูษามาลา)

       ศากยะทั้งหลายเมื่อเข้าไปหาพระพุทธองค์  จึงได้ขอให้

พระอุบาลีบวชก่อน เพราะพระอุบาลีเคยรับใช้ศากยะทั้งหมดมาก่อน 

เพราะเมื่อพระอุบาลีบวชก่อน   ทางฝ่ายศากยะทั้งหลาย   ก็จะต้องทำ

ความเคารพและรับใช้พระผู้บวชก่อน เพื่อลดมานะและความถือตัวว่า

เป็นศากยะมาก่อน     พระกิมพิละได้สำเร็จอรหัต และเป็นมหาสาวก

องค์หนึ่งในจำนวน ๘๐ องค์. 

       ความเป็นมาคือ  พระกิมพิละ เดิมในอดีตท่านเคยทำบุญทั้งหลาย

ในสมัยพระพุทธเจ้าพระนามว่า กกุสันธะ  เมื่อพระพุทธเจ้ากกุสันธะ

ปรินิพพานแล้ว  ท่านได้ทำการบูชาด้วยพวงดอกสน  โดยทำเป็น

ฆณฑปอุทิศแก่พระธาตุศาสดา

       ด้วยบุญกรรมนั้น  ท่านเกิดในสวรรค์ชั้นดาวดึงส์  ท่องเที่ยวไปๆ

มาๆ  ในเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย  บังเกิดในตระกูลแห่งเจ้าศากยะ

ในพระนครกบิลพัสดุ์  มีนามว่า กิมพิละ 

       เจ้ากิมพิละ ได้เจริญวัยแล้วสมบูรณ์ด้วยโภคสมบัติอยู่  

เมื่อพระพุทธองค์เสด็จประทับอยู่ที่อนุปิยนคร  ทรงเห็นความ

แก่กล้าแห่งญาณของเจ้ากิมพิละแล้ว  เพื่อให้เขาเกิดความสลดใจ 

จึงทรงเนรมิตรูปผู้หญิงอยู่ในวัยสาว  งามน่าดู  แล้วค่อยแก่ลง

และมีโรคร้ายครอบงำโดยลำดับ  เมื่อกิมพิลกุมารเห็นดังนั้น 

จึงมีความสลดใจอย่างเหลือเกิน  ได้กล่าวคาถาว่า

              วัยย่อมล่วงไปพลัน  รูปที่มีอยู่โดยอาการนั้น

              ย่อมปรากฎแก่เรา    เหมือนเป็นอย่างอื่น 

              เราระลึกถึงตนของเรา  ผู้ไม่อยู่ปราศจากสติ

              เหมือนของผู้อื่น  ดังนี้

       เมื่อรู้ชัดซึ่งอัตภาพของตนนี้ ว่าเหมือนอัตภาพของสัตว์อื่น 

ความสังเวชที่หนักแน่นเกิดขึ้นแก่กิมพิลกุมารแล้ว  ได้ไปเฝ้า

พระศาสดาพร้อมทั้งศากยะทั้งหลาย    ได้ฟังธรรมบวชแล้ว 

ทำวิปัสสนากรรมฐาน  บรรลุเป็นอรหัตแล้ว ได้สำเร็จวิชชา ๓

ปฏิสัมภิทา ๔  วิโมกข์ ๘  อภิญญา ๖  ต่อมาไม่นานนัก

ในพรรษาที่ ๒ ของพระผู้มีพระภาคเจ้า

# ๑. วินย. ๗/๓๔๑/๒๗๐.  ๒. เถร.อ. ๕๐/๕๓๒-๕๓๔.