ความคิดเห็นที่ 1   เท่าที่ผมเข้าใจจากการฟังธรรม พท.   โคตรภูบุคล  คือผู้ที่เข้าใจธรรมอย่างสัมมาทิฏฐิแล้ว  กำลังปฏิบัติตามอย่างยิ่งยวด แต่ยังไม่ถึงภูมิของ ท่านผู้ปฏิบัติเพื่อกระทำให้แจ้งซึ่งโสดาปัตติผล จึงยังไม่นับเป็น พระอริยสงฆ์   โคตรภูภิกษุก็จัดอยู่ในกลุ่มนี้ด้วย ผู้รักษาพรหมจรรย์ ไม่แน่ใจ ข้อมูลไม่ชัด  อยากจะเดาว่าเป็นผู้ปฏิบัติตามธรรมของพระพุทธเจ้า ส่วนสมมุติสงฆ์คือ พระสงฆ์ที่บวชกันในปัจจุบัน ซึ่งสมัยนี้ก็ไม่แน่ว่าจะปฏิบัติธรรมหรือไม่   ดังที่ได้เห็นจากข่าวต่างๆอยู่ออกบ่อย  พระสมัยนี้จะมีถึง 10% หรือเปล่าที่รักษาศีล   แม้แต่วินัยก็ยังคอยละเมิดกันเลย แล้วมาปลงอาบัตกันทีหลัง จากคุณ : P2wichai เขียนเมื่อ : 12 พ.ย. 52 12:49:33

ความคิดเห็นที่ 2   1.สมมุติสงฆ์ คือ ... พระที่บวชทั่วๆไป (ยังไม่บรรลุอริยบุคคล) -------------------------------------------------------------------------- 2.โคตรภูภิกษุ คือ ... รู้แต่ความหมายของโคตรภูสงฆ์ไม่รู้ว่าความหมายจะเหมือนกับโคตรภูภิกษุหรือไม่ โคตรภูสงฆ์ คือ 1.พระสงฆ์ที่ไม่เคร่งครัด ปฏิบัติเหินห่างธรรมวินัย แต่ยังมีเครื่องหมายเพศ เช่น ผ้าเหลืองเป็นต้น และถือตนว่า ยังเป็นภิกษุสงฆ์อยู่, 2.สงฆ์ในระยะหัวต่อจะสิ้นศาสนา ที่มา พจนานุกรมพุทธศาสน์ ฉบับประมวลศัพท์ พระธรรมปิฎก (ประยุทธ์ ปยุตฺโต) ---------------------------------------------------------------------------- 3.โคตรภูบุคคล คือ... โคตรภูบุคคล   คือ  บุคคลที่กำลังก้าวล่วงพ้นความเป็นปุถุชนบุคคลและกำลังเข้าสู่ความเป็น  อริยะบุคคล อุปมาเหมือนบุรุษผู้กระโดดข้ามคูน้ำกว้าง แล้วขาข้างหนึ่งลอยจากฝั่งนี้แล้วขาอีกข้างหนึ่งกำลังจะไปเหยียบฝั่งโน้น ที่มา พระอภิธรรมปิฎก ธาตุกถา-บุคคลบัญญัติ เล่ม ๓ - หน้าที่ 204 [๒๖]  โคตรภูบุคคล  บุคคลผู้มีโคตรภูญาณ  เป็นไฉน  ? ความย่างลงสู่อริยธรรมในลำดับแห่งธรรมเหล่าใด   บุคคลผู้ประกอบด้วยธรรมเหล่า นั้น  นี้เรียกว่า  โคตรภูบุคคล ------------------------------------------------------------------------------ 4.ผู้รักษาพรหมจรรย์ คือ... ผู้รักษาพรหมจรรย์ คือ ผู้ละเว้นจากเรื่องกามารมณ์ทั้งหลาย ปล.เครดิต คุณน้อมเศียรเกล้า http://www.pantip.com/cafe/religious/topic/Y8538514/Y8538514.html ------------------------------------------------------------------------- ปล.สงสัยเหมือนกันว่าทำไมความหายของโคตรภูสงฆ์กับโคตรภูบุคคลถึงต่างกันได้เพียงนี้ ปล2. ผิดพลาดประการใดรบกวนผู้รู้แก้ไขให้ด้วยครับ จากคุณ : ขยันและอดทน เขียนเมื่อ : 12 พ.ย. 52 13:19:27

ความคิดเห็นที่ 3   สวัสดีครับคุณ P2wichai  และคุณ ขยันและอดทน เป็นอันว่าคุณ ขยันและอดทน  ได้ตอบเฉลยเรื่อง บุคคลทั้ง 4 ที่ผมเสนอไว้ อย่างถูกต้องแล้ว และคำว่า โคตรภูภิกษุ หรือโคตรภูภิกษุ มีความชัดเจนแล้ว //////////////////////////////////////// โคตรภูสงฆ์ คือ 1.พระสงฆ์ที่ไม่เคร่งครัด ปฏิบัติเหินห่างธรรมวินัย แต่ยังมีเครื่องหมายเพศ เช่น ผ้าเหลืองเป็นต้น และถือตนว่า ยังเป็นภิกษุสงฆ์อยู่, 2.สงฆ์ในระยะหัวต่อจะสิ้นศาสนา ที่มา พจนานุกรมพุทธศาสน์ ฉบับประมวลศัพท์ พระธรรมปิฎก (ประยุทธ์ ปยุตฺโต) //////////////////////////////////////// ส่วนผมก็จะขยายเรื่อง โคตรภูบุคคล ให้ชัดเจนยิ่งขึ้นนะครับ. ************************************* จาก พระไตรปิฎกเล่มที่ 36.2            [๒๕] บุคคลที่เป็นปุถุชน เป็นไฉน             สัญโญชน์ ๓ อันบุคคลใดละไม่ได้ ทั้งไม่ปฏิบัติเพื่อละธรรมเหล่านั้นบุคคลนี้เรียกว่า ปุถุชน             [๒๖] โคตรภูบุคคล เป็นไฉน              ความย่างลงสู่อริยธรรมในลำดับแห่งธรรมเหล่าใด บุคคลผู้ประกอบด้วยธรรมเหล่านั้นนี้เรียกว่า โคตรภูบุคคล ***********************************   ในความหมายก็คือ ผู้ที่ย่างเข้าสู่ โคตรภูญาณ ของวิปัสสนาญาณ กำลังจะบรรลุ มรรคญาณ ในฉับพลันนั้น.    และโดยปกติตามหลักปฏิบัติวิปัสสนานั้น ผู้ที่ปฏิบัติถึง โคตรภูญาณ ย่อมบรรลุ มรรคญาณ ติดต่อกันที่เดียวเลย เป็นพระโสดาติมรรคโสดาธิผล เป็นพระอริยบุคคลในพุทธศาสนา.      แต่ใน อาหุเนยยสูตร นั้นพระพุทธเจ้า ทรงจัดแยกไว้อย่างชัดเจน ในเรื่องของ โคตรภูบุคคล ที่เป็นเอกเทศ         ก็หมายความว่า ผู้ที่ปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานจนถึง โคตรภูญาณ แล้วหยุดยั่งอยู่เพียงแค่นั้น ไม่ล่วงเลยไปเป็น มรรคญาณ ย่อมมีอยู่  ปรากฏแยกเป็นบุคคลให้ทราบชัด อย่างเช่นเดียวกับ ปุถุชน หรือ พระอริยะ ก็คือ โคตรภูบุคคล นั้นเอง.       ดังนั้นตามพระไตรปิฎก ทั้งใน อาหุเนยยสูตร ในความหมายของโคตรภูบุคคล สามารถพิจารณาได้ว่า      โคตรภูบุคคล คือผู้ที่ปฏิบัติธรรมอันได้แก่วิปัสสนากรรมฐาน จนวิปัสสนาญาณเจริญถึง โคตรภูญาณ ก็หยุดยั่งอยู่เพียงแค่นั้น. กลายเป็นผู้ที่มีสัมมาทิฏฐิดำรงอยู่โดยตลอดทั้งชีวิต เพียงแต่ยังไม่สามารถละกิเลสได้อย่างเด็ดขาดเท่านั้นเอง   ส่วนท่านผู้ใดมีข้อมูลและความคิดเห็นอย่างไร ก็เสนอและแสดงได้นะครับ. จากคุณ : P_vicha เขียนเมื่อ : 12 พ.ย. 52 14:01:41

ความคิดเห็นที่ 4   โคตรภูบุคคล  คือผู้ที่เหยียบระหว่าง ปุถุชนกับพระอริยเจ้า แล้วครับ หมายถึง ขาข้างหนึ่งเป็นปุถุชน แต่อีกข้างหนึ่งเป็นพระอริยเจ้า ประมาณนั้นครับ ถ้าใครสนใจก็ให้หาคำสอนหลวงปู่สด จันทสโร มาอ่านนะครับ จะมีรายละเอียด ของบุคคล ๙ จำพวก ขอบคุณครับ แก้ไขเมื่อ 13 พ.ย. 52 11:15:07 แก้ไขเมื่อ 13 พ.ย. 52 11:06:42 จากคุณ : กรรไกรรัตนะ เขียนเมื่อ : 12 พ.ย. 52 15:03:20

ความคิดเห็นที่ 5   โคตรภู  [โคดตฺระพู] (แบบ) น. บุคคลผู้ตั้งอยู่ในญาณซึ่งเป็นลําดับอริยมรรค,   พระสงฆ์ที่ไม่เคร่งครัดในศาสนามีขนบธรรมเนียมห่างจากธรรมวินัย แต่ยังถือตนว่าเป็นภิกษุสงฆ์อยู่ เรียกว่า โคตรภูสงฆ์. (ส. โคตฺรภู   ว่า อ้างแต่เพศ ไม่มีคุณความดีของเพศ). จากพจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. ๒๕๔๒ จากคุณ : Rionia เขียนเมื่อ : 12 พ.ย. 52 15:12:57

ความคิดเห็นที่ 6   สวัสดีครับคุณกรรไกรรัตนะ ,คุณRionia    และจากข้อความของ คุณ กรรไกรรัตนะ นั้น โคตรภูบุคคล  กับ โคตรภูภิกษุ(โคตรภูสงฆ์)  นั้นมีความหมายต่างกันนะครับ ทั้งที่ปรากฏในพระไตรปิฎก และ ใน พจนานุกรมพุทธศาสน์ ฉบับประมวลศัพท์ พระธรรมปิฎก (ประยุทธ์ ปยุตฺโต) จากคุณ : P_vicha เขียนเมื่อ : 12 พ.ย. 52 15:59:05

ความคิดเห็นที่ 7   และเมื่อเห็นข้อความของคุณ กรรไกรรัตนะ  ที่ว่า "ขอให้เปิดใจให้กว้างแล้วจะพบความจริงที่สงสัยอยู่ครับ" กับข้อมูลที่ให้มาแบบคลาดเคลื่อนด้านบน ผมจึงต้องหาหลักฐานมาให้ คุณกรรไกรรัตนะ อ่านพิจารณาดูให้ชัดเจน เพื่อให้มีความเห็นความเข้าใจถูกต้องขึ้นกว้างขึ้น ครับ จากพระไตรปิฎกเล่มที่ 14. //////////////////////////////////////////////     [๗๑๓]  ดูกรอานนท์  ก็ในอนาคตกาล  จักมีแต่เหล่าภิกษุโคตรภู  มี  ผ้ากาสาวะพันคอ เป็นคนทุศีล  มีธรรมลามก  คนทั้งหลายจักถวายทานเฉพาะสงฆ์ได้ในเหล่าภิกษุทุศีลนั้น ดูกรอานนท์  ทักษิณาที่ถึงแล้วในสงฆ์แม้ในเวลานั้นเราก็กล่าวว่า  มีผลนับไม่ได้  ประมาณไม่ได้ แต่ว่าเราไม่กล่าวปาฏิปุคคลิกทานว่ามีผลมากกล่าวทักษิณาที่ถึงแล้วในสงฆ์โดยปริยายไรๆ  เลย  ฯ //////////////////////////////////////////////    การสนทนาธรรมที่เป็นธรรมตามที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้ดีแล้ว เมื่อพิจารณาอย่างแยบคาย ไม่ทำให้ใจแคบ เป็นผู้ใจกว้างเสนอให้ทราบว่า ธรรมใดควร หรือธรรมใดไม่ควร ธรรมใดไม่ถูกต้อง หรือธรรมใดคลาดเคลื่อนครับ. แก้ไขเมื่อ 12 พ.ย. 52 16:33:40 จากคุณ : P_vicha เขียนเมื่อ : 12 พ.ย. 52 16:28:08

ความคิดเห็นที่ 8   ขอบคุณครับ ก็ต้องเอาตามพระไตรปิฏกก็แล้วกันนะครับ ปล.ลบข้อความเพื่อให้ถูกต้องตามพระไตรปิฏกนะครับ --------------------- ขอบคุณครับ แก้ไขเมื่อ 13 พ.ย. 52 11:06:02 จากคุณ : กรรไกรรัตนะ เขียนเมื่อ : 12 พ.ย. 52 17:22:11

ความคิดเห็นที่ 9   สวัสดีครับคุณ กรรไกรรัตนะ   เมื่อถือตามพระไตรปิฎก ผมก็จะชี้ให้ชัดเจนตามที่ถามอีกครั้งนะครับ เพราะเหมือนกับคุณ กรรไกรรัตนะ  ไม่ได้อ่านอย่างรอบคอบ. /////////////////////////////////////////////// ส่วนผมก็จะขยายเรื่อง โคตรภูบุคคล ให้ชัดเจนยิ่งขึ้นนะครับ. ************************************* จาก พระไตรปิฎกเล่มที่ 36.2           [๒๕] บุคคลที่เป็นปุถุชน เป็นไฉน            สัญโญชน์ ๓ อันบุคคลใดละไม่ได้ ทั้งไม่ปฏิบัติเพื่อละธรรมเหล่านั้นบุคคลนี้เรียกว่า ปุถุชน            [๒๖] โคตรภูบุคคล เป็นไฉน             ความย่างลงสู่อริยธรรมในลำดับแห่งธรรมเหล่าใด บุคคลผู้ประกอบด้วยธรรมเหล่านั้นนี้เรียกว่า โคตรภูบุคคล *********************************** ///////////////////////////// ต่อไปก็ ภิกษุโคตรภู หรือโคตรภูสงฆ์ //////////////////////////////////////////////    [๗๑๓]  ดูกรอานนท์  ก็ในอนาคตกาล  จักมีแต่เหล่า ภิกษุโคตรภู  มี  ผ้ากาสาวะพันคอ เป็นคนทุศีล  มีธรรมลามก  คนทั้งหลายจักถวายทานเฉพาะสงฆ์ได้ในเหล่าภิกษุทุศีลนั้น ดูกรอานนท์  ทักษิณาที่ถึงแล้วในสงฆ์แม้ในเวลานั้นเราก็กล่าวว่า  มีผลนับไม่ได้  ประมาณไม่ได้ แต่ว่าเราไม่กล่าวปาฏิปุคคลิกทานว่ามีผลมากกล่าวทักษิณาที่ถึงแล้วในสงฆ์โดยปริยายไรๆ  เลย  ฯ ////////////////////////////////////////////// คุณ กรรไกรรัตนะ ลองอ่านทบทวนดูนะครับ.   ดังนั้นถ้ากล่าวว่า โคตรภูภิกษุ หรือโคตรภูสงฆ์  ก็จะหมายถึง ภิกษุโคตรภู นั้นเอง ตามที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสไว้ (ซึ่งเป็นที่เข้าใจกันครับ)   เปรียบเทียบคำว่า พระอริยะบุคคล (ดูคำว่า บุคคล)  นั้นรวมทั้ง พระอริยที่เป็นภิกษุสงฆ์ และที่เป็นฆราวาส    ดังนั้นคำว่า โคตรภูบุคคล นั้นก็รวมทั้ง ภิกษุสงฆ์ ปฏิบัติธรรมวิปัสสนาญาณเจริญถึง โคตรภูญาณ รวมทั้งฆราวาสที่ปฏิบัติวิปัสสนา ถึงโคตรภูญาณ จากคุณ : P_vicha เขียนเมื่อ : 12 พ.ย. 52 20:14:48

ความคิดเห็นที่ 10   ขอบคุณนะครับ ก็ไม่นึกว่า คำๆเดียวกัน จะมีได้2ความหมาย ที่ตรงข้ามกัน นั้นเองครับ ขอบคุณครับ จากคุณ : กรรไกรรัตนะ เขียนเมื่อ : 13 พ.ย. 52 11:09:45

ความคิดเห็นที่ 11   [๗๑๓]  ดูกรอานนท์  ก็ในอนาคตกาล  จักมีแต่เหล่าภิกษุโคตรภู  มี  ผ้ากาสาวะพันคอ เป็นคนทุศีล  มีธรรมลามก  คนทั้งหลายจักถวายทานเฉพาะสงฆ์ได้ในเหล่าภิกษุทุศีลนั้น ดูกรอานนท์  ทักษิณาที่ถึงแล้วในสงฆ์แม้ในเวลานั้นเราก็กล่าวว่า  มีผลนับไม่ได้  ประมาณไม่ได้ พระสุตตันตปิฎก เล่ม ๖ มัชฌิมนิกาย อุปริปัณณาสก์ - หน้าที่ 344-345                       อาหุเนยยสูตร     [๒๑๔] ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุคคล ๙ จำพวกนี้ เป็นผู้ควรของคำนับ เป็นผู้ควรของ ต้อนรับ เป็นผู้ควรของทำบุญ เป็นผู้ควรกระทำอัญชลี เป็นนาบุญของโลก ไม่มีนาบุญอื่นยิ่งกว่า ๙ จำพวกเป็นไฉน คือ พระอรหันต์ ๑ ท่านผู้ปฏิบัติเพื่อความเป็นพระอรหันต์ ๑ พระอนาคามี ๑ ท่านผู้ปฏิบัติเพื่อกระทำให้แจ้งซึ่งอนาคามิผล ๑ พระสกทาคามี ๑ ท่านผู้ปฏิบัติเพื่อกระทำให้แจ้ง ซึ่งสกทาคามิผล ๑ พระโสดาบัน ๑ ท่านผู้ปฏิบัติเพื่อกระทำให้แจ้งซึ่งโสดาปัตติผล ๑โคตรภู บุคคล ๑ ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุคคล ๙ จำพวกเหล่านี้แล เป็นผู้ควรของคำนับ ฯลฯ เป็นนาบุญ ของโลก ไม่มีนาบุญอื่นยิ่งกว่า ฯ พระสุตตันตปิฎก เล่ม ๑๕ อังคุตรนิกาย สัตตก-อัฏฐก-นวกนิบาต - หน้าที่ 298-299                      อาหุเนยยสูตร     [๑๖] ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุคคล ๑๐ จำพวกนี้ เป็นผู้ควรของคำนับเป็นผู้ควรของ ต้อนรับ เป็นผู้ควรของทำบุญ เป็นผู้ควรทำอัญชลี เป็นนาบุญของโลก ไม่มีนาบุญอื่นยิ่งกว่า ๑๐ จำพวกเป็นไฉน คือ พระตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ๑ พระปัจเจกสัมพุทธเจ้า ๑ ท่าน ผู้เป็นอุภโตภาควิมุต ๑ ท่านผู้เป็นปัญญาวิมุต ๑ ท่านผู้เป็นกายสักขี ๑ ท่านผู้เป็นทิฏฐิปัตตะ ๑ ท่านผู้เป็นสัทธาวิมุต ๑ ผู้เป็นธัมมานุสารี ๑ ท่านผู้เป็นสัทธานุสารี ๑ ท่านผู้เป็นโคตรภู ๑ ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุคคล ๑๐ จำพวกนี้แล เป็นผู้ควรของคำนับ ฯลฯ เป็นนาบุญของโลก ไม่มี นาบุญอื่นยิ่งกว่า ฯ พระสุตตันตปิฎก เล่ม ๑๖ อังคุตรนิกาย ทสก-เอกาทสกนิบาต - หน้าที่ 23 จากคุณ : supatra.p เขียนเมื่อ : 17 พ.ย. 52 17:34:32