ผล(อานิสงส์)ของทาน
                                              
คำนำ
         
เรื่องผล(อานิสงส์)ของทาน เป็นเรื่องที่เขียนมาจากความเข้าใจและความจำล้วนไม่ได้อิงหนังสือเล่มใด ดังนั้นอาจยังมีข้อผิดพลาดจึงขออภัย ณ. ที่นี้ด้วย
      
ทาน ในความหมายคือการสละ การแบ่งบันแต่ในสมัยนี้ มีความหมายแตกเป็น 2 อย่างคือทำบุญ  ทำทาน กาลเวลาเปลี่ยนความหมายก็เปลี่ยนตามธรรมดา ดังนั้นผู้ที่ศึกษาควรพิจารณาให้แยบคาย เพราะจะเกิดการติดทำบุญ แต่ไม่เอาทาน จะกลายเป็นผู้มีปัญญาเห็นโดยไม่สมบูรณ์ คราวนี้จะมากล่าวถึงเรื่องทานที่เป็นพื้นฐานก่อนการทำทานไม่ใช้อยู่ๆ จะทำกันได้เลย ตามพื้นฐานของจิตใจของสัตว์ทั้งหลายการที่สละหรือแบ่งบันให้ผู้อื่นโดยที่ไม่หวังผลตอบแทนนั้นหาได้ยากยิ่ง  นอกจากมารดากับบุตรเท่านั้น ดังนั้นเราท่านทั้งหลายที่เป็นมนุษย์ที่กล่าวกันว่าเป็นสัตว์ประเสริฐ ถ้าไม่มีการฝึกฝนและเรียนรู้ก็ไม่ต่างอะไรกับสัตว์เดรัจฉานทั่วไป เช่นเดียวกันในเรื่องของทาน ถ้าไม่มีการฝึกฝนและไม่เรียนรู้วิธีการทำทาน ก็ไม่รู้ว่าทำทานทำกันอย่างไร ก็จะมีแต่การแย่งชิงซึ่งกันและกัน คำว่าการให้หรือการแบ่งบันคงไม่เกิดขึ้น แต่ในยุคนี้สมัยนี้มีวิธีการที่มากมายจนบางคนที่อยากแบ่งบันก็ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดี จึงทำให้เกิดการเนิ่นช้าหรือไม่ได้ทำเลย หรือทำทานแต่ไปเข้าตรงกับวิธีการหลอกลวงของผู้อื่นไปเสียนี้คือพวกที่ได้ทานแต่ไม่อิ่มในทาน ได้มาเท่าไรก็ไม่พอสร้างประโยชน์เฉพาะกลุ่มตนหรือของตนจนเหลือเฟือ แล้วคิดขยายอาณาจักรของกู ให้กว้างไกลเพียงอย่างเดียวไม่ได้กระจายไปให้ทั่วไป แล้วอ้างว่ามันเป็นบุญเป็นกุศล แต่ฉะไหนมันกลายเป็นของกูอานาจักรกูหรือของพวกกูเสียนี้ข้อความชักจะรุนแรงขึ้น ดังนั้นขอสรุปบทความตรงนี้เพื่อบรรเทาความรุนแรง คือการให้ทานกับผู้ที่อิ่มในทานหรือผู้ที่ไม่อิ่มในทาน ก็ยังเป็นทานอยู่เหมือนกันไม่ต้องไปคิดอะไรให้มากเลย เพราะการให้ทานนั้นเราให้ตามฐานะที่จะให้ได้ น้อยคนที่ให้เกินฐานะของตนเอง และน้อยคนลงไปอีกที่ให้เกินฐานะตนเองแต่ไม่ทุกข์ใจกับทานนั้นๆ ซึ่งมันก็อยู่ที่การฝึกฝนการให้ทาน มาถึงจุดนี้จะกล่าวความหมายของทาน ตามที่ผู้เขียนสามารถคิดไปถึงหรือพิจารนาไปถึง  ซึ่งอาจจะมีความละเอียดกว่าบางท่านหรืออาจจะน้อยกว่าบางท่าน ก็ขอให้ถือว่าเป็นการแต่งหนังสือก็แล้วกัน ทานหรือการสละแบ่งปันนั้นจงอย่ามองที่สิ่งของเพียงอย่างเดียวถ้ามองอย่างนี้มันจะแคบไป เพราะจะกลายเป็นว่าผู้ที่มีทรัพย์สินเงินทองเท่านั้นที่จะทำทานได้ และอย่าไปมองถึงผู้รับทานว่าต้องเป็นพระหรือนักบวชเท่านั้นเดียวจะกลายเป็นว่า หวังทำแต่บุญแล้วทานไม่อยากทำ ความบริบูรณ์ของการเห็นถูกด้วยปัญญาก็ขาดไปให้พึงระวังไว้ด้วย
           
ที่นี้มาลองพิจารณาคำว่าทานให้กว้างขึ้น ทาน คือการให้หรือการสละ เช่นการสละเวลาเล็กๆ น้อยๆ ให้กับผู้อื่น ในขณะที่เวลานั้นมันไม่จำเป็นแก่ตนเองมากนัก ได้แก่การบริการเด็ก คนแก่ หรือผู้พิการ ในขณะที่ข้ามถนน หรือในขณะขึ้นรถโดยสารก็สละที่นั่งให้กับเด็ก คนแก่ ผู้พิการหรือสตรีที่มีครรภ์ หรือบอกทางผู้หลงทางหรือผู้ที่ไม่รู้จักทาง โดยเสียเวลาแนะถึงจุดเริ่มต้นที่จะไปได้ถูก หรือการใช้คำพูดที่ดีกับบุคคลอื่น เพื่อประโยชน์ของผู้นั้นๆ หรือให้ความรู้สึกที่ดีกับผู้อื่น เช่นพูดจาดี บริการผู้อื่นอย่างดี ให้ความเคารพตามฐานะมีสัมมาคารวะ ฯลฯ ก็เป็นการให้ทานเล็กๆน้อยๆ ผลของทานเล็กน้อยนี้ จะทำให้สังคมนี้น่าอยู่เห็นแล้วมีความสบายตาสบายใจ ไม่มีมลพิษทางความรู้สึก นี้และคือผลในปัจจุบัน
         
คราวนี้จะมากล่าวผลของทานเล็กๆน้อยๆ ที่ส่งผลข้ามภพข้ามชาติที่จำได้ในตำรา
         
ได้มีพ่อค้าวาณิชคนหนึ่งทำการค้าขายอยู่ตามเมืองต่างๆ แต่ก็ไม่คอยประสพความสำเร็จฐานะจึงไม่ค่อยดีนัก แต่มีพ่อค้าวาณิชอีกคนหนึ่ง ที่อยู่บ้านใกล้กันทำการค้าประสพความสำเร็จถึงขั้นเป็นเศรษฐี และเศรษฐีคนนี้เป็นคนใจบุญ นิมนตร์พระมาฉันที่บ้านบ่อย และทำทานแจกกับคนสรจรเป็นประจำ แต่บ้านอยู่ถัดไปจากบ้านพ่อค้าวาณิชคนแรก ทำให้พระและพวกวานิพก ต้องเข้ามาสอบถามกับพ่อค้าวาณิชว่าบ้านเศรษฐีอยู่ตรงไหนเป็นประจำ ส่วนพ่อค้าวาณิชคนนี้ก็ไม่อิจฉาเศรษฐีซ้ำยังคิดว่า "เราไม่มีทรัพย์เหมือนเขาจึงทำบุญอย่างเขาไม่ได้ แต่เมื่อมีคนมาสอบถามทางบ่อยๆ เราก็ต้องบอกชี้ทางแก่คนเหล่านั้นอย่างดีเพื่อเป็นบุญเล็กๆน้อยๆ ของเราบ้าง" และพ่อค้าวาณิชปฏิบัติอย่างนี้ประจำจนตาย ด้วยบุญดังที่กล่าวมา ทำให้พ่อค้าวาณิชคนนี้ได้ไปเกิดเป็นเทวดาชั้นจาตุ มีวิมานที่ชัดเด่น ทางสัญจรเข้าวิมานก็ร่มเรือนสะบายหาที่ไหนเทียบได้อยาก นี้เป็นทานเล็กๆ น้อยๆ แต่ทำเป็นประจำ
    
มากล่าวถึงทานอย่างกลางหรือการสละการแบ่งปันตามฐานะเช่นการสละเวลาเพื่อผู้อื่นหรือส่วนรวม ทั้งที่เวลาที่ตนเสียไปนั้นทำให้ตนต้องเสียผลประโยชน์ แต่ไม่ใช้ว่ามากมายจนเกินไปมีอยู่ 2 ประเภทคือ
      
1. อุบัติเหตุทาน เช่นขณะเดินทางเพื่อทำธุระเผอิญมีคนเป็นลมอยู่ใกล้หรือตกน้ำ หรือโดนรถชน หรือไฟไหม้ ซึ่งตอนนี้จะเป็นทานขึ้นมาเมื่อเข้าไปช่วยเหลือหรือปฐมพยาบาล   หรือขณะที่ได้ยินได้ฟังธรรมก็หยุดการกระทำอย่างอื่นชั่วเวลาหนึ่งเพื่อให้ใจตั้งมั่นในการรับฟัง ผลของอุบัติเหตุทาน ทำให้การตัดสินใจแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าได้ถูกต้องและรวดเร็ว จิตใจตั้งมั่นได้รวดเร็ว ผลของอุบัติเหตุทานข้ามภพข้ามชาติตามตำรา ( อาจจะขัดแย้งกับความรู้สึกบ้างสำหรับบางท่าน แต่รับทราบไว้เพื่อประดับความคิดในภายหลัง )เรื่องมีอยู่ว่าสมัยที่พระพุทธเจ้ายังมีพระชนชีพอยู่ และพระองค์ได้เทศนาให้กับบุคคลกลุ่มหนึ่ง ในบริเวณที่นาที่หนึ่ง ได้มีกบตัวหนึ่งที่ออกหากินบริเวณนั้นผ่านเข้ามาในบริเวณใกล้แล้วได้ยินเสียงเทศานา เกิดชอบในเสียงนั้น เพราะเป็นเสียงทำให้คลายความเครียดและใจเบาทั้งที่ไม่รู้ภาษาและไม่เข้าใจ จึงหยุดฟังอยู่อย่างนั้นไม่เคลื่อนไหว ได้มีเด็กเลี้ยงโค ได้ย่องมาข้างหลังแล้วเอาไม้ตีตายในทันใด( ให้ผู้อ่านสังเกตตรงนี้อย่ายึดมั่นในเรื่องอิทธิอภินิหารมากนัก แม้แต่กบตัวนี้มีศรัทธราต่อเสียงเทศนาของพระพุทธองค์อย่างมาก ก็ไม่สามารถรักษาชีวิตให้รอดพ้นไปได้ เพราะมันเป็นกรรมตามฐานะ และให้สังเกตอีกอย่าง เด็กเลี้ยงโคคนนั้น ทั้งที่ฟังภาษาพูดกันรู้เรื่องแต่ไม่สนใจในธรรมเลยยังทำการฆ่าสัตว์ และให้สังเกตุอีกอย่างหนึ่งไม่ใช่ว่าพระพูทธองค์จะเทศนาในที่ที่ยิ่งใหญ่ และมีการจัดฉากกันใหญ่โตเลย แต่พระพุทธองค์จะเทศนาตามเหตุและปัจจัย ) เมื่อกบตัวนั้นตายก็จุติเป็นเทวดาชั้นดาวดึงศ์ทันทีพร้อมทั้งมีบริวาร 500 องค์ นี้และอานิสงส์ของอุบัติเหตุทาน แต่พอเทียงคืนเทวดากบท่านนี้ก็ได้ลงมาเข้าเผ้าพระพุทธองค์ และได้รับฟังธรรมเทศนาต่อจนได้บรรลุเป็นพระโสดาบัน นี้และบุคคลที่ไม่ยอมทิ่งห่างจากความดีสักวันหนึ่งต้องพบธรรมที่แท้จริง
    
  2. สละเวลาเป็นประจำทุกวันหรือเวลาอาทิตย์ละครึ่งวันเพื่อเข้าวัดเข้าวาฟังเทศฟังธรรม หรือสละทรัพย์เพียงเล็กๆ น้อยๆ หรือสละเวลาเพื่อบรรยายธรรมให้ผู้อื่น ไม่ใช่ว่ามันต้องยิ่งใหญ่ หรือมีผลตอบแทนที่มากมาย(ตามที่บุคคลทั่วไปใฝ่ฝัน) หรือสละเวลาให้กับสังคมส่วนรวม  เช่นไปบรรยายวิชาการให้กับบุคคลที่ด้อยโอกาศหรือโอกาศด้อยกว่าเพื่อเป็นการกุศล ผลของทานอย่างนี้ทำให้บุคคลพัฒนาธรรมพัฒนาวิชาการความรู้ทั้งส่วนตัวและส่วนรวม ทำให้มีความเสมอภาคในความรู้ในความสามารถ และสามารถทำให้ผู้ที่ด้อยมีโอกาศที่จะลุกขึ้นมาและอยู่ในสังคมได้อย่างปกติ ผลของทานอย่างนี้ที่ข้ามภพข้ามชาติตามตำราดังมีเรื่องอยู่ว่า มีบุตรสาวของคหบดีคนหนึ่ง เห็นบิดามารดานิมนตร์พระมาฉันเช้าหรือเพลที่บ้านเป็นประจำ เลยสนใจว่าพระท่านมีอะไรดี จึงเข้าไปสนทนากับพระแล้วถามว่าพระท่านมีข้อปฏิบัติอะไรดี และผู้หญิงสามารถปฏิบัติที่บ้านได้หรือไม่? ฝ่ายพระคุณท่านเป็นพระที่รู้จริง ก็กล่าวว่าข้อปฏิบัติของพระที่เป็นแก่นจริงๆ คือพิจารณาสติปะฐาน 4 และเข้าใจในไตรลักษณ์(ไม่ขอกล่าวในที่นี้ เพราะข้าพเจ้าได้กล่าวไว้แล้วในเรื่องที่ผ่านมา)แล้วที่สำคัญคือให้มอง เห็นสภาพความเป็นจริงว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นให้รับรู้ย่อม เกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไป เป็นธรรมดา และพระคุณท่านก็บอกว่าผู้หญิงก็ปฏิบัติที่บ้านก็ได้ ฝ่ายบุตรสาวคหบดีก็เอาข้อปฏิบัติไปปฏิบัติทุกวัน เมื่อมีเวลาปฏิบัติไปเกิดเห็นแจ้งความจริงว่า เมื่อเกิดก็ต้องมีตั้งอยู่ และดับไปเป็นธรรมดา พอถึงจุดนี้อาจจะมีท่านผู้อ่านบางท่านแย้งขึ้นมาว่าใครๆ ก็รู้กันอยู่ตามที่ศึกษากันมา ขอให้ท่านทำความเข้าใจเสียใหม่ว่า ความคิดมันหาใช่เป็นความจริงเสมอไม่ คิดถูกเข้าใจถูกก็หาใช่สัจธรรมไม่ ในเมื่อจิตใต้สำนึกหรือตัวจิตเองยังไม่เห็นแจ้งด้วยตัวมันเอง หรือพิจารณาได้ง่ายๆ ถ้าสงสัยลังเลจนต้องทุกข์ก็ยังไม่เห็นธรรม ถ้ายึดศีลพรตจนขาดเหตุผลจนต้องทุกข์ก็ยังไม่เห็นธรรม ถ้ายึดมั่นว่าเป็นตัวเป็นตนของตนเองหรือของผู้อื่นจนต้องทุกข์ก็ยังไม่เห็นธรรม เป็นอันว่าบุตรสาวคหบดีคนนี้ได้บรรลุเป็นพระโสดาบัน เป็นอริยะบุคคล และในเวลาต่อมาบุตรสาวคหบดีก็ได้ตาย และไปจุติอยู่บนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ เพราะจิตใจสะอาดผลบุญก็ต้องสะอาดและวิจิตรตามไปด้วย ซึ่งในกาลเวลานั้นเป็นช่วงสมัยที่พระพุทธองค์มีประชนชีพอยู่ และในกาลครั้งหนึ่งพระโมคลาอักคระสาวกเบื้องซ้ายของพระพุทธองค์ ได้เหาะขึ้นไปยังเทวดาชั้นดาวดึงส์และได้ผ่านวิมานของบุตรสาวคหบดี เห็นว่ามีความสวยงามและวิจิตรอย่างยิ่ง พร้อมมีเทพธิดามากมาย จึงได้แวะเข้าไปถามว่าเป็นวิมานของผู้ใด ฝ่ายเทพธิดาบุตรสาวคหบดีที่เป็นเจ้าของก็ออกมาต้อนรับ และบอกว่าเป็นวิมานของตนเอง แล้วได้เล่าประวัติของตนเองให้พระโมคลาทราบ และขณะนี้ตนเองไม่สงสัยลังเลในพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เลยดำรงค์สถานะเป็นพระโสดาบัน แต่ยังปารถนาให้ถึงนิพพานยิ่งๆ ขึ้นไป จึงไม่ย่อมทิ้งการปฏิบัติเลย ถ้าพระคุณท่าน มีอุบายธรรมที่จะแนะนำขอให้พระคุณเจ้าช่วยนะนำด้วยข้าพเจ้าตั้งใจที่จะรับฟังอยู่ ฝ่ายพระโมคลาก็ได้เทศนาอริยสัจสี่ให้ทราบอีกครั้ง คือ รู้ทุกข์ รู้เหตุแห่งทุกข์ รู้ความดับทุกข์ และวิธีดับทุกข์  ก่อนที่ทุกข์จะเกิดในรอบถัดไปของปฏิจสะมุตปะบาท    ทำให้เทพธิดาบุตรสาวคหบดีบรรลุสกิทาคามีทันที่ เพราะสละเวลาเป็นประจำเตรียมพร้อมไว้เต็มที่แล้ว หมายเหตุ ให้สังเกตว่าบุตรสาวคหบดีมีอายุตอนเป็นมนุษย์ไม่นานนัก ทั้งที่เป็นพระโสดาบัน ดังนั้นให้เข้าใจเสียด้วยว่าอริยะบุคคล ย่อมมีกรรมเก่าที่เป็นอกุศลส่งผลได้ตลอดเวลา แต่ไม่มีผลที่จะทำให้ท่านประกอบกรรมที่เป็นอกุศลไปบังเกิดในอบายคือ สัตว์เดรัชฉาน เปรต อสุรกาย หรือสัตว์นรกได้เลย แม้ขณะที่เป็นมนุษย์อยู่จิตใจก็จะไม่ตกต่ำเปรียบเสมือน สัตว์เดรัจฉาน เปรต อสุรกายหรือสัตว์นรก คือไม่ยึดมั่นถือมั่นเป็นตัวตนจนเกิดราคะ โทสะ โมหะ เผารนจิตใจจนสับสนและมากมาย
    
มากล่าวถึงทานอย่างสูง คือการสละและแบ่งปันอย่างสูง หมายถึงการสละแบ่งปันทั้งหมด น้อยคนจริงๆที่จะทำได้ เช่นออกบวชในสมัยโบราณที่สละทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อปฏิบัติธรรมปารถนาชึ่งฌานหรือมรรคผลนิพพาน หรือการเสี่ยงชีวิตเพื่อช่วยผู้อืนในขณะที่มีอุบัติเหตุโดยไม่หวังผลตอบแทนหรือไม่มีผลประโยชน์ใดมาเกียวพัน หรือมีบางท่านเมื่อมีอายุเข้าวัยชรา และบุตรหลานมีน้อยหรือไม่มี ก็ทำการสละทรัพย์ทั้งหมดเพื่อการกุศล เหลือไว้เฉพาะตนที่พออยู่พอกินจนตายเท่านั้นพอ แต่บุคคลสมัยนี้ส่วนมากจะกอดทรัพย์สมบัติกันจนตาย ผลของทานที่เป็นปัจจุบัน ทำให้มีบุคคลที่เป็นเอก หรือมีคุณประโยชน์ต่อโลกเกิดขึ้น เช่นทำให้บังเกิดพระอรหันต์ที่เป็นนาบุญของโลก ทำให้เกิดมีนักปราชญ์และนักวิทยาศาสตร์สำคัญของโลกขึ้นมากมาย ทำให้เกิดมีตัวอย่างการแบ่งปันกันในสังคม บังเกิดภาพรวมของสังคมมีการแบ่งปันกันโดยไม่หวังผลตอบแทน ตัวอย่างผลของทานที่เป็นปัจจุบันตามตำรา ในสมัยที่พระพุทธองค์มีประชนชีพอยู่ได้มีบุตรของเศรษฐีผู้หนึ่ง ได้ฟังเทศนาเกิดศรัทธราที่จะบวชจึงไปขอบวชจากมารดา ฝ่ายมารดาไม่ยินยอมเพราะมีบุตรชายเพียงคนเดียว บุตรชายจึงไม่ยอมทานอาหารประท้วง จนมารดายอมให้บวชเพราะกลัวว่าบุตรชายจะตาย บุตรจึงได้บวชตามปารถนาแล้วปฏิบัติธรรมตามฐานะ ฝ่ายมารดาเมื่อบุตรไปบวชก็ไม่ดูแลรักษาทรัพย์จนทรัพย์หมดไม่เหลือ กลายเป็นขอทานขอเขากินร่อนเร่ ฝ่ายพระบุตรชายได้ออกบิณฑบาตในเช้าวันหนึ่ง ได้ไปเจอกับมารดาที่ขอทานนอนชอมช่ออยู่ จึงมีความสลดใจและมีความเวทนาอย่างยิ่ง จึงพูดกับมารดาตนเองว่า "ให้โยมแม่รอที่นี้ก่อนเดี๋ยวอาตมาจะกลับมา" แล้วพระบุตรชายจึงออกบิณฑบาตตามปกติ เมื่อได้อาหารเต็มบาต ก็แวะกลับมาหามารดา แล้วได้เอาอาหารทั้งหมดให้มารดารับทาน ปฏิบัติอย่างนี้เป็นประจำพระท่านจึงได้ฉันบ้างไม่ได้ฉันบางทำให้ร่างกายชูบผอม จนพระบางท่านบางกลุ่มตำหนิว่า "บิณฑบาตเลี้ยงแม่ตัวเอง ทำไม่ถูก" เรื่องนี้ได้กระจายจนถึงพระกรรณของพระพุทธเจ้า พระองค์ทรงตรัสเรียกพระที่เลี้ยงมารดาของตนเองให้มาเข้าเฝ้า แล้วตรัสถามประวัติ พระที่เลี้ยงมารดาก็เล่าประวัติให้ฟังตั้งแต่ต้น พอจบพระพุทธองค์ก็ทรงตรัส สาธุ และตรัสต่อไปอีกว่า พระท่านที่เลี้ยงมารดา และยังอยู่ในวินัยผู้นี้เป็นผู้มีความกตัญญูแล้วทรงเทศนาอริยสัจสีจนจบ ทำให้พระที่เลี้ยงมารดาบรรลุโสดาบันทันที นี้และผลของการเสียสละในปัจจุบัน
          
  ต่อไปเป็นตัวอย่างของทานอย่างสูงที่ข้ามภพข้ามชาติตามตำรา
       
เรื่องพ่อบุญธรรมของพระสารีบุตร เรื่องมีดังนี้ พ่อของพระสารีบุตรมีเพื่อนที่สนิทอยู่คนหนึ่ง ซึ่งเป็นพราหมณ์เหมือนกันดังนั้นเมื่อตนได้บุตร จึงให้ลูกของตนเรียกเพื่อนคนนี้ว่าพ่อด้วย และบ้านก็อยู่ใกล้ๆกัน เมื่อพระสารีบุตรออกบวชแล้วพ่อของพระสารีบุตรก็มรณะภาพ จึงเหลือเพียงแม่คนเดียว ฝ่ายพ่อบุญธรรมของพระสารีบุตร ซึ่งนับถือพระพรหมก็มีฐานยากจนลง ไม่มีสมบัติติดตัวแม้อาหารที่ดีๆ ก็ไม่เคยได้ทาน แถมร่างกายก็ชราเจ็บออดแอดและไม่เคยได้ทำบุญในพุทธศาสนาเลย  มีอยู่คลาหนึ่งพระสารีบุตรได้เข้านิโรธสมาบัติเป็นเวลา 7 วัน เมื่อออกจากนิโรธสมาบัติก็นึกถึงพ่อบุญธรรม และทราบทันที่ว่า  สามารถทำให้พ่อบุญธรรมหันมาศรัทธราต่อพุทธศาสนา และจะต้องตายไม่กี่วันนี้ พระสารีบุตรจึงห่มจีวรและออกบิณฑบาต ฝ่ายพ่อบุญธรรมเช้ามืดวันนั้นเป็นวันที่โชคดีมีผู้นับถือพราหมณ์นำอาหารอย่างดีมาให้ พ่อบุญธรรมก็จัดแจงเพื่อรับทานอาหารที่ดีสักมื้อ แต่เมื่อเหลือบตาไปมองถนนที่ผ่านหน้าที่พักก็เห็นพระสารีบุตรกำลังเดินบิณฑบาตตรงมา ก็รู้ว่าเป็นลูกบุญธรรมซึ่งมีความสง่าสงบ และมีชื่อเสียงทางธรรมกว้างไกล จิตใจก็เกิดยากทำบุญกับพระสารีบุตรทั้งที่มีอาหารพอทานได้เฉพาะคนเดียว จึงยกอาหารที่มีทั้งหมดมาดักรอที่หน้าทีพัก พอพระสารีบุตรเดินเข้ามาถึง ก็ทำการใส่บาตทั้งหมดด้วยความปีติยินดี ทั้งที่รู้ว่าไม่มีอะไรจะรับทานในมื้อนั้น ฝ่ายพระสารีบุตรทราบฐานของพ่อบุญธรรมเป็นอย่างดี พอพ่อบุญธรรมใส่อาหารเกินกึ่งหนึ่งของอาหารทั้งหมด พระสารีบุตรจึงบิดฝาบาต แล้วปลีกตัวไปฉันอาหารใกล้ที่พักของพ่อบุญธรรม เพราะพระสารีบุตรรู้ว่าจะเป็นการเพิ่มศรัทธาให้กับพ่อบุญธรรม ฝ่ายพ่อบุญธรรมพอรู้ว่าพระสารีบุตรจะทำการฉันที่นั้น เลยกุลีกุจอตามประสาคนแก่ปูสื่อจัดสถานที่ให้ด้วยความศรัทธา ขณะที่พระสารีบุตรทำการฉันอาหารอยู่ ฝ่ายพ่อบุญธรรมก็ตั้งความปารถนาเป็นอย่างพระสารีบุตรในเวลาอันใกล้นี้ คือขอให้เกิดเป็นมนุษย์ และเป็นบุตรของเศรษฐีที่นับถือพุทธศาสนาในตำบลนี้ เพื่อจะได้อยู่ใกล้กับบุตรบุญธรรม(กล่าวในใจ) เมื่อท่านสารีบุตรฉันอาหารเสร็จก็ทำการอนุโมทนา แล้วลากลับที่พักของท่าน ส่วนพ่อบุญธรรมหลังจากนั้น 2-3 วันก็เสียชีวิตด้วยความชรา ไปจุติในท้องของเศรษฐีที่นับถือศาสนาพุทธพอดี เมื่อครบวันกำหนดคลอดก็คลอดออกมาเป็นผู้ชาย ด้วยการตายแล้วเกิดทันทีจึงทำให้ระลึกถึงในชาติก่อนนั้นได้ทั้งหมด  ฝ่ายท่านเศรษฐีเมื่อได้บุตรขึ้นมาก็ทำการทำบุญเลี้ยงพระอย่างใหญ่โต และหาผ้ากำพลเนื้ออย่างดีเพื่อถวายพระรูปใดรูปหนึ่ง และในวันนั้นได้นิมนตร์พระสารีบุตรมาด้วย เมื่อหลังจากพระท่านฉันภัตตาหารเสร็จเมื่อจะทำการถวายของ ซึ่งกุมารน้อยคนนั้น พี่เลี้ยงได้อุ้มเข้ามาใกล้กับผ้ากำพล กุมารน้อยก็คว้าจับผ้ากำพลไว้ทันทีไม่ย่อมปล่อยเพราะระลึกชาติหนหลังได้ และปารถนาจะถวายผ้ากำพลให้กับพระสารีบุตร ดังนั้นไม่ว่าใครจะมาดึงมาแกะก็ไม่ย่อมปล่อยร้องอย่างเดียว ฝ่ายพระสารีบุตรทราบในความนัยนั้นจึงเข้าไปหากุมารน้อยคนนั้น กุมารน้อยจึงหยุดร้องแล้วทำอาการชูผ้ากำพลเพื่อถวายพระสารีบุตรตามที่อาการของทารกจะทำได้ ผ่ายพระสารีบุตรก็รับผ้าผืนนั้น และทำนายว่า ทารกน้อยคนนี้ต่อไปจะได้บวชในพุทธศาสนา  เมื่อเวลา 8 ปีต่อมา ด้วยระลึกชาติหนหลังได้และฝักใฝ่อยู่กับการบวช และพ่อแม่ซึ่งเป็นเศรษฐีก็นับถือพุทธศาสนาจึงได้บวชเณรอยูในสำนักของพระสารีบุตร จนอายุเกณฑ์บวชพระก็ได้บวชพระและปฏิบัติกรรมฐานจนได้บรรลุอรหันต์  เช่นเดียวกับพระสารีบุตรตามที่ปารถนาไว้ก่อนตายเมื่อชาติที่แล้ว
     
หมายเหตุ ตามตำรามีกล่าวไว้ว่า พระอรหันต์ที่เข้านิโรธสมาบัติเป็นเวลา 7 วัน เมื่อออกจากนิโรธสมาบัติในวันนั้นและในการฉันอาหารมื้อแรก ถ้าใครได้ใส่บาตก็จะได้รับอานิสงส์ของบุญนั้นเป็นเศรษฐีภายใน 7 วันอย่างแน่นอน

     อันทานนั้นควรทำเป็นนิสัย        เป็นบันไดความสุขสู่ธรรม
แล้วดำรงตั้งสติปัญญาค้ำ                  เข้าใจกรรมผลสุขที่เป็นอยู่
ไม่ให้ฟูลู่ตามที่กรรมเป็น                  สงบเย็นมีสติปัญญารู้
ถอยอัตตาลงปล่อยวางสิ่งคู่              เห็นแจ้งรู้ถึงสัจธรรม.
                                    21
มีนาคม 38

    อ่านหน้าต่อไป  202.html                กลับไปหน้าแรก   100.html