จะรอไปเมื่อไรหรือ?                                                                                                                                        กลับหน้าแรก 
 
 
 
 เนื้อความ : 
จะรอไปเมื่อไรหรือ? 
รำพันในวาสนาน้อย 
            ยามประสูติก็เลิศยิ่งกว่าสรรพสัตว์       ยามตรัสรู้พระญาณก็เลิศยิ่ง 
     ยามตรัสสอนทรงสอนซึ่งสัจจะจริง           ทรงคุณยิ่งนำสู่นิพพานแก้ว 
            โอเราหนอชั่งบุญน้อย                           จะได้น้อมกราบพระบาทก็สายแล้ว 
     จะฟังธรรมจากพระโอฐก็คลาดแคล้ว        หมดเสียแล้วซึ่งสุระเสียงพุทธองค์ 

นึกถึงบุญตนเอง 
          พระสัทธรรมยังมีมิใช่หรือ?                   เราก็คือผู้ศรัทธาพุทธองค์ 
    ควรสอนตนในธรรมที่พระประสงค์         ให้ครบองค์แปดเป็นมรรคอันประเสริฐ 
          ฝึกสติปะฐาน 4 ทุกขณะ                         เพื่อเพียรละวางกิเลสมิให้เกิด 
    เห็นธรรมด้วยปัญญาอันเลิศ                         ก็ประเสริฐดั่งเห็นพระพุทธองค์ 

          ถ้าชาวพุทธปรารถนาจะเห็นพระพุทธเจ้า     ได้ฟังธรรมจากโอฐพระพุทธองค์โดยตรง  
หาได้เป็นความหวังอันเลื่อนลอย  ถึงแม้ปัจจุบันพระพุทธองค์ทรงปรินิพพานไปแล้ว  แต่ธรรมของพระองค์ยังคงอยู่  
ถ้าประสงค์จะเห็นพระองค์ก็ต้องปฏิบัติธรรมให้เห็นทุกข์เห็นธรรม ซึ่งเป็นการเห็นพระพุทธเจ้าและได้ฟังธรรมโดยตรง  
ดั่งพระองค์ทรงตรัสว่า 
                             ผู้ใดเห็นธรรม  ผู้นั้นเห็นเรา(คถาคต) 
        แต่ถ้ายังปรารถนาอยู่เพื่อเห็นตัวจริงเสียงจริง  เพียงแต่ทำบุญเยอะๆ  แต่ไม่ปฏิบัติธรรม  
เป็นการกอดความหลงเป็นตัวตนไปอีกนาน  และไม่รู้ว่าเมื่อได้เจอแล้วจะมีโอกาสเกิดปัญญาเห็นธรรมหรือเปล่า  
ดังนั้นควรรีบปฏิบัติธรรมให้เห็นธรรมเสียเดี๋ยวนี้  อย่างมากถ้าพลาดท่าพลาดทางในชาตินี้  
เมื่อเกิดได้พบพุทธองค์ในสมัยหน้า ก็จะไม่เป็นเหมือนกระต่ายเฝ้าหมายจันทร์ด้วยความหลง

 จากคุณ : Vicha [ 14 พ.ย. 2543 / 19:11:45 น. ]  
     [ IP Address : 203.151.36.3 ] 
 
 
 ความคิดเห็นที่ 1 : (ดังตฤณ) 
พระพุทธเจ้าไม่อยู่ให้กำลังใจแล้ว 
เหลือแต่พวกบั่นทอนกำลังใจให้เห็นว่ามรรคผลไม่มีแล้ว หมดสมัยมรรคผลแล้ว 
พวกเราก็ต้องให้กำลังใจกันตามมีตามเกิดเองอย่างนี้แหละ 
สาธุกับเจตนาอันประเสริฐครับคุณ Vicha
 จากคุณ : ดังตฤณ [ 15 พ.ย. 2543 / 09:18:19 น. ]  
     [ IP Address : 203.155.129.1 ] 
 
 
 ความคิดเห็นที่ 2 : (listener) 
ขอบคุณครับ
 จากคุณ : listener [ 15 พ.ย. 2543 / 09:51:18 น. ]  
     [ IP Address : 202.183.197.9 ] 
 
 
 ความคิดเห็นที่ 3 : (อนัตตา) 
สาธุในกุศลเจตนาครับ 
ในเมื่อมีโอกาสพบแสงสว่างแล้ว ไม่รีบไขว่คว้าไว้หรือ
 จากคุณ : อนัตตา [ 15 พ.ย. 2543 / 11:57:03 น. ]  
     [ IP Address : 203.151.2.159 ] 
 
 
 ความคิดเห็นที่ 4 : (พุทธศาสนิกชน) 
         "แต่ถ้ายังปรารถนาอยู่เพื่อเห็นตัวจริงเสียงจริง  เพียงแต่ทำบุญเยอะๆ  แต่ไม่ปฏิบัติธรรม เป็นการกอดความหลงเป็นตัวตนไปอีกนาน  และไม่รู้ว่าเมื่อได้เจอแล้วจะมีโอกาสเกิดปัญญาเห็นธรรมหรือเปล่า" เป็นข้อความที่เตือนสติดีจริงๆ  

        การเริ่มอ่านท่องจำคำสอนของพระพุทธองค์ และปฏิบัติธรรมเพื่อให้เกิดสัญญาในจิตที่จะต้องตามเราไปทุกภพชาติก็จะเป็นวิธีหนึ่งที่ทำให้เราสามารถบรรลุมรรคผลได้เมื่อได้พบพระพุทธเจ้าอีกครั้งหนึ่ง

 จากคุณ : พุทธศาสนิกชน [ 15 พ.ย. 2543 / 16:45:34 น. ]  
     [ IP Address : 203.151.96.48 ] 
 
 
 ความคิดเห็นที่ 5 : (kasapong) 
เรียนถามคุณvichaครับ 
          เห็นทุกข์ในธรรม  หมายความว่าอะไรครับ 
          ขอบคุณครับ
 จากคุณ : kasapong [ 15 พ.ย. 2543 / 23:10:34 น. ]  
     [ IP Address : 203.155.133.76 ] 
 
 
 ความคิดเห็นที่ 6 : (kasapong) 
ขออภัย  เห็นทุกข์เห็นธรรม  ผมอ่านผิด  ขอยกเลิกคำถามครับ
 จากคุณ : kasapong [ 15 พ.ย. 2543 / 23:14:18 น. ]  
     [ IP Address : 203.155.133.76 ] 
 
 
 ความคิดเห็นที่ 7 : (Vicha) 
เห็นทุกข์ ก็คือเห็น ทุกขะ แปลว่า ตั้งอยู่ไม่ได้ เมื่อเห็นทุกขะ ก็เห็น อนิจจัง  คือเปลี่ยนแปลง ก็เห็น อนัตตา  
เมื่อเห็น อนัตตา ก็เห็นธรรม ทุกสิ่งเกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไป เป็นธรรมดา เท่านี้และครับ แต่ต้องถึงจิตถึงใจ  
ไม่ใช้เป็นเพียงแต่ความคิด ก็จะเป็นการเห็นธรรม
 จากคุณ : Vicha [ 16 พ.ย. 2543 / 20:10:26 น. ]  
     [ IP Address : 203.151.36.3 ] 
 

จบกระทู้บริบูรณ์

 กลับหน้าแรก