พระศาสดาเมื่อประทับอยู่ ณ พระเชตวันมหาวิหาร ทรง ปรารภการเอาอย่างพระสุคต ตรัสพระธรรมเทศนานี้ มีคำเริ่ม ต้นว่า อปิ วีรก ปสฺเสสิ ดังนี้.
            ความย่อมีว่า เมื่อพระเถระทั้งหลายพาบริษัทของพระ- เทวทัตมาเฝ้า พระศาสดาตรัสถามว่า ดูก่อนสารีบุตร เทวทัต เห็นพวกเธอแล้วได้ทำอย่างไร กราบทูลว่า พระเทวทัตเลียนแบบ พระสุคตพระเจ้าข้า ตรัสว่า ดูก่อนสารีบุตร เทวทัตทำตาม อย่างเรา ถึงความพินาศมิใช่ในบัดนี้เท่านั้น แม้แต่ก่อนก็ถึงความ พินาศมาแล้ว พระเถระกราบทูลอาราธนา ทรงนำเรื่องอดีต มาตรัสเล่า.
            ในอดีตกาลครั้งพระเจ้าพรหมทัตเสวยราชสมบัติอยู่ใน กรุงพาราณสี พระโพธิสัตว์อุบัติในกำเนิดกาน้ำ ในหิมวันต- ประเทศ อาศัยสระแห่งหนึ่งอยู่. มีชื่อว่า วีรกะ. ในครั้งนั้น ได้เกิดข้าวยากหมากแพงขึ้นในแคว้นกาสี. พวกมนุษย์ไม่สามารถ ให้อาหารกา หรือกระทำการบวงสรวงยักษ์และนาคได้. กา ทั้งหลายจึงออกจากแคว้นที่อดหยาก เข้าป่าไปโดยมาก. ในกา เหล่านั้น มีกาตัวหนึ่งชื่อ สวิษฐกะอยู่เมืองพาราณสี พานางกา ไปยังที่อยู่ของกาวีรกะ อาศัยสระนั้นอยู่ส่วนหนึ่ง. อยู่มาวันหนึ่ง กาสวิษฐกะหาเหยื่ออยู่ในสระนั้น เห็นกาวีรกะลงสระกินปลา แล้วขึ้นมาตากตัวให้แห้ง จึงคิดว่า เราอาศัยกาตัวนี้แล้วสามารถ หาปลาได้มาก เราจักปรนนิบัติกาตัวนี้ แล้วเข้าไปหากาวีรกะ นั้น เมื่อกาวีรกะถามว่า อะไรล่ะสหาย ตอบว่า นาย ข้าพเจ้า อยากจะปรนนิบัติท่าน กาสวิษฐกะรับว่า ดีแล้ว ตั้งแต่นั้นมา กาสวิษฐกะก็ปรนนิบัติกาวีรกะ.
            ฝ่ายกาวีรกะกินปลาพออิ่มสำหรับตนแล้วก็คาบปลามา ให้แก่สวิษฐกะ. ฝ่ายกาสวิษฐกะกินพออิ่มสำหรับตนแล้วก็ให้ ปลาที่เหลือแก่นางกา. ต่อมากาสวิษฐกะเกิดความทะนงตนขึ้น มาว่า แม้กาน้ำตัวนี้ก็เป็นกาดำ แม้เราก็เป็นกาดำ แม้ตา จงอยปาก และเท้าของกาวีรกะนั้น และของเราก็ไม่ต่างกัน ตั้งแต่นี้ไปเราไม่ต้องการปลาที่กาตัวนี้จับมาให้เรา. เราจักจับ เสียเอง. กาสวิษฐกะจึงเข้าไปหากาวีรกะนั้นกล่าวว่า สหาย ตั้งแต่นี้ไป เราจะลงสระจับปลากินเอง แม้เมื่อกาวีรกะห้ามอยู่ว่า สหาย เจ้ามิได้เกิดในตระกูลกาที่ลงน้ำจับปลากิน เจ้าอย่าพินาศ เสียเลย. ก็มิได้เชื่อฟังคำ ลงสระดำน้ำแล้วก็โผล่ขึ้น ไม่สามารถ จะแหวกสาหร่ายออกมาได้ ติดอยู่ภายในสาหร่าย โผล่แต่ปลาย จงอยปากเท่านั้น. กาสวิษฐกะหายใจไม่ออกถึงแก่ความตายใน น้ำนั่นเอง ครั้งนั้นนางกา ภรรยาของกาสวิษฐกะไม่เห็นกา สวิษฐกะกลับมา จึงไปหากาวีรกะเพื่อจะรู้ความเป็นไป เมื่อ จะถามว่า นาย กาสวิษฐกะไม่ปรากฏ เขาหายไปเสียที่ไหนเล่า จึงกล่าวคาถาแรกว่า :-
            ท่านวีรกะ ท่านเห็นนกที่ร้องเสียงไพเราะ มีสีเสมอด้วยสร้อยคอแห่งนกยูงผู้เป็นผัวของ ฉัน ชื่อสวิษฐกะบ้างไหม.
            กาวีรกะฟังดังนั้นแล้วจึงกล่าวว่า จ้ะข้ารู้ที่ที่ผัวของเจ้าไป แล้วกล่าวคาถาที่ ๒ ว่า :-
            นกสวิษฐกะ เมื่อทำตามภรรยาของปักษี ผู้เที่ยวไปได้ทั้งทางน้ำและทางบก บริโภคปลาสด เป็นนิจนั้น ถูกสาหร่ายพันคอตายเสียแล้ว.
            นางกาได้ฟังดังนั้น ก็โศกเศร้าเสียใจกลับไปกรุงพาราณสี ตามเดิม.
            พระศาสดาทรงนำพระธรรมเทศนานี้มา แล้วทรงประชุม ชาดก. กาสวิษฐกะในครั้งนั้น ได้เป็นเทวทัตในครั้งนี้. ส่วนกา วีรกะ คือเราตถาคตนี้แล.
            จบ อรรถกถาวีรกชาดกที่ ๔