พระศาสดาเมื่อประทับอยู่ ณ พระวิหารเชตวันทรงปรารภ ภิกษุหลอกลวงรูปหนึ่ง ตรัสพระธรรมเทศนานี้มีคำเริ่มต้นว่า ตาต มาณวโก เอโส ดังนี้.
            เรื่องราวจักมีแจ้งในอุททาลกชาดกในปกิณณกนิบาต. ก็ครั้งนั้นพระศาสดาตรัสว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ภิกษุนี้มิใช่ หลอกลวงในบัดนี้เท่านั้น แม้เมื่อก่อนก็เกิดเป็นลิงได้หลอกลวง เพราะเรื่องไฟ แล้วตรัสนำเรื่องอดีตมาเล่า.
            ในอดีตกาลครั้งพระเจ้าพรหมทัตเสวยราชสมบัติอยู่ใน กรุงพาราณสี บังเกิดในตระกูลพราหมณ์ หมู่บ้านกาสี ครั้น เจริญวัยเรียนศิลปศาสตร์ในเมืองตักกสิลา ดำรงตนเป็นฆราวาส. ครั้นต่อมาพราหมณีภรรยาของพราหมณ์นั้นคลอดบุตรคนหนึ่ง เมื่อบุตรวิ่งเที่ยวไปมาได้ พราหมณีก็ถึงแก่กรรม. พระโพธิสัตว์ กระทำฌาปนกิจนางแล้วคิดว่า เราจะอยู่ครองเรือนไปทำไม จึงละพรรคพวกญาติมิตร ซึ่งพากันร่ำไห้พาบุตรเข้าไปยังป่า หิมพานต์ บวชเป็นฤๅษีมีรากไม้และผลไม้ในป่าเป็นอาหาร พำนักอยู่ ณ ที่นั้น. วันหนึ่งเมื่อฝนตกในฤดูฝน พระโพธิสัตว์ ก่อไฟผิงนอนอยู่บนเครื่องลาดกระดาน. แม้บุตรของท่านซึ่ง เป็นดาบสกุมาร ก็นั่งนวดเท้าของบิดา. มีลิงป่าตัวหนึ่งถูกความ หนาวเบียดเบียน เห็นไฟที่บรรณศาลาของพระโพธิสัตว์ จึง คิดว่า หากเราจักเข้าไปในบรรณศาลานี้ เขาจักร้องว่า ลิง ลิง แล้วโบยนำเราออกไป เราก็จักไม่ได้ผิงไฟ เอาละบัดนี้เรา มีอุบายอย่างหนึ่ง เราจะปลอมเป็นดาบสทำการลวงเข้าไป จึงนุ่งผ้าเปลือกไม้ของดาบสที่ตายแล้วคนหนึ่ง ถือกระเช้า ขอ และไม้เท้าอาศัยตาลต้นหนึ่งที่ประตูบรรณศาลายืนสั่นอยู่. ดาบสกุมารเห็นมันก็ไม่รู้ว่าเป็นลิง จึงบอกแก่ดาบสว่า มีดาบสแก่ รูปหนึ่ง ถูกความหนาวเบียดเบียนคงจะมาขอผิงไฟ แล้วคิดว่า ควรจะให้เข้าไปผิงยังบรรณศาลาหลังหนึ่ง เมื่อจะพูดกะบิดา จึงกล่าวคาถาแรกว่า :-
            พ่อจ๋า มาณพนั้นมายืนพิงต้นตาลอยู่ อนึ่ง เรือนของเรานี้ก็มีอยู่ ถ้ากระไรเราจะให้เรือน แก่มาณพนั้น.
            ในบทเหล่านั้น บทว่า มาณวโก เป็นชื่อของสัตว์. ท่าน แสดงว่า พ่อจ๋า นั่นมาณพคือสัตว์ชนิดหนึ่ง คือดาบสรูปหนึ่ง. บทว่า ตาลมูลํ อปสฺสิโต ได้แก่ยืนพิงต้นตาลอยู่. บทว่า อคาร- กญฺจิทํ อตฺถิ ได้แก่ เรามีบ้านของนักบวชนี้ คือหมายถึงบรรณ- ศาลา. บทว่า หนฺท เป็นนิบาตลงในอรรถแห่งความเตือน. บทว่า เทมสฺส คารกํ ความว่า เราจะให้เรือนดาบสนี้อยู่ส่วนหนึ่ง.
            พระโพธิสัตว์ได้ยินคำของบุตรจึงลุกขึ้นไปยืนดูที่ประตู บรรณศาลา รู้ว่าสัตว์นั้นเป็นลิง จึงบอกลูกว่า ลูกเอ๋ยธรรมดา มนุษย์หน้าไม่เป็นอย่างนี้ดอก ลูกไม่ควรเรียกลิงเข้ามาในที่นี้ แล้วกล่าวคาถาที่ ๒ ว่า :-
            ลูกเอ๋ย เจ้าอย่าเรียกมันมาเลย มันเข้ามา แล้ว จะทำลายเรือนของเรา หน้าของพราหมณ์ ผู้มีศีลบริสุทธิ์ไม่เป็นอย่างนี้ดอก.
            ในบทเหล่านั้น บทว่า ทูเสยฺย โน อคารกํ ความว่า เจ้า สัตว์นี้แหละ เข้าไปในบรรณศาลานี้ จะทำลายเอาไฟเผาบรรณ- ศาลาซึ่งทำได้ลำบากนี้เสีย หรือถ่ายอุจจาระเป็นต้น รดไว้. บทว่า เนตาทิสํ ได้แก่หน้าของพราหมณ์ผู้มีศีลบริสุทธิ์ไม่เป็น เช่นนี้.
            พระโพธิสัตว์ ครั้นบอกว่านั่นลิงดังนี้แล้ว จึงคว้าคบไฟ ได้ดุ้นหนึ่งตวาดว่า เจ้าจะอยู่ที่นี่ทำไม แล้วขว้างให้มันหนีไป. ลิงก็ทิ้งผ้าเปลือกไม้ วิ่งขึ้นต้นไม้เข้าป่าไป. พระโพธิสัตว์เจริญ พรหมวิหาร ๔ ได้มีพรหมโลกเป็นที่ไปในเบื้องหน้า.
            พระศาสดาทรงนำพระธรรมเทศนานี้มาแล้ว ทรงประชุม ชาดก. ลิงในครั้งนั้นได้เป็นภิกษุหลอกลวงในครั้งนี้ ดาบสกุมาร ได้เป็นราหุล ส่วนดาบส คือเราตถาคตนี้แล.
            จบ อรรถกถามักกฏชาดกที่ ๓