พระศาสดาเมื่อประทับอยู่ในพระวิหารเชตวันทรงปรารภภิกษุละความ เพียร จึงตรัสพระธรรมเทศนานี้มีคำเริ่มต้นว่า อปิ อตรมานานํ ดังนี้. ก็เรื่องปัจจุบันและเรื่องอดีตในชาดกนี้ จักมีแจ้งในสังวรชาดก เอกาทสนิบาต ก็ในสังวรชาดกนั้น และชาดกนี้ เรื่องเป็นเช่นเดียวกันเทียว แต่คาถา ต่างกัน มีความย่อว่า

คามนิกุมารตั้งอยู่ในโอวาทของพระโพธิสัตว์ แม้จะเป็น พระกนิษฐาของพระภาดาทั้งร้อยพระองค์ ก็เป็นผู้อันพระภาดาทั้งร้อยพระองค์ ห้อมล้อม ประทับนั่งบนบัลลังก์อันประเสริฐ ภายใต้เศวตฉัตร ทอดพระเนตรดูยศสมบัติของพระองค์ ทรงดีพระทัยว่า ยศสมบัติของเรานี้ เป็นของอาจารย์ เรา จึงทรงเปล่งอุทานนี้ว่า

เออ ก็ความหวังในผล ย่อมสำเร็จแก่ผู้ไม่ใจเร็ว ด่วนได้ เรามีพรหมจรรย์แก่กล้าแล้ว ท่านจงเข้าใจ ดังนี้เถิด พ่อคามนิ.

บรรดาบทเหล่านั้น ศัพท์ว่า อปิ เป็นเพียงนิบาต. บทว่า อตรมา- นานํ ได้แก่ ผู้ตั้งอยู่ในโอวาทของบัณฑิตทั้งหลาย ไม่รีบด่วน กระทำการ โดยอุบาย. บทว่า ผลาสาว สมิชฺฌติ ความว่า ความหวังในผลที่ปรารถนา ไว้ ชื่อว่าย่อมสำเร็จแน่ เพราะความสำเร็จผลนั้น อีกอย่างหนึ่ง. บทว่า ผลาสา ได้แก่ ผลแห่งความหวัง คือ ผลตามที่ปรารถนาไว้ ย่อมสำเร็จ ทีเดียว. ในบทว่า วิปกฺกพฺรหฺมจริโยสฺมิ นี้ สังคหวัตถุ ๔ ชื่อว่า พรหมจรรย์เพราะเป็นความประพฤติอันประเสริฐ ก็พรหมจรรย์นั้น ชื่อว่าแก่ กล้าแล้วทีเดียว เพราะได้เฉพาะยศสมบัติอันมีสังคหวัตถุนั้นเป็นมูล ยศที่สำเร็จ แก่คามนิกุมารแม้นั้น ก็ชื่อว่าพรหมจรรย์ เพราะอรรถว่าประเสริฐ. ด้วยเหตุ นั้นท่านจึงกล่าวว่า ข้าพเจ้าเป็นผู้มีพรหมจรรย์แก่กล้าแล้ว. บทว่า เอวํ ชานาหิ คามนิ ความว่า ในที่บางแห่งบุรุษชาวบ้านก็ดี หัวหน้าชาวบ้าน ก็ดี ชื่อว่า คามนิ ผู้ใหญ่บ้าน แต่ในที่นี้ หมายเอาตนเองซึ่งเป็นหัวหน้า คนทั้งปวงจึงกล่าวว่า ดูก่อนนายบ้านผู้เจริญ ท่านจงรู้เหตุนี้อย่างนี้ว่า เรา ก้าวล่วงพี่ชายร้อยคน ได้รับราชสมบัติใหญ่นี้ เพราะอาศัยอาจารย์ ดังนี้ เปล่ง อุทานแล้ว.

ก็เมื่อคามนิกุมารนั้นได้ราชสมบัติแล้ว เมื่อเวลาล่วงไป ๒ - ๓ วัน พี่ชายทุกคนได้ไปยังสถานที่อยู่ของตน ๆ พระเจ้าคามนิครองราชสมบัติโดย ธรรม แล้วเสด็จไปตามยถากรรม ฝ่ายพระโพธิสัตว์ทำบุญแล้วได้ไปตามกรรม.

พระศาสดาครั้นทรงนำพระธรรมเทศนานี้มาแสดงแล้ว ทรงประกาศ อริยสัจทั้งหลาย ในเวลาจบสัจจะ ภิกษุผู้ละความเพียรได้ดำรงอยู่ในพระอรหัต แล พระศาสดาตรัส ๒ เรื่องสืบอนุสนธิต่อกัน แล้วทรงประชุมชาดกว่า พระเจ้าคามนิในครั้งนั้นได้เป็นพระอานนท์ ส่วนอาจารย์ คือเราเองแล.

จบ คามนิชาดกที่ ๘

กลับที่เดิม