อรรถกถาอินทสมานโคตตชาดกที่ ๑ พระศาสดาเมื่อประทับอยู่ ณ พระวิหารเชตวันทรงปรารภ ภิกษุว่ายากรูปหนึ่ง ตรัสพระธรรมเทศนานี้มีคำเริ่มต้นว่า น สนฺถวํ กาปุริเสน กยิรา ดังนี้.
            เรื่องภิกษุว่ายากนั้น จักมีแจ้งในคิชฌชาดกนวกนิบาต. พระศาสดาตรัสกะภิกษุนั้นว่า ดูก่อนภิกษุแม้เมื่อก่อนเธอ ก็ไม่เชื่อฟังคำของบัณฑิตทั้งหลาย เพราะเธอเป็นผู้ว่ายาก จึง เหลวแหลกเพราะเท้าช้างตกมัน แล้วทรงนำเรื่องในอดีตมา ตรัสเล่า
            ในอดีตกาลครั้งเมื่อพระเจ้าพรหมทัตเสวยราชสมบัติอยู่ ในกรุงพาราณสี พระโพธิสัตว์เกิดในตระกูลพราหมณ์ ครั้น เจริญวัยละฆราวาส ออกบวชเป็นฤๅษี เป็นครูของเหล่าฤๅษี ๕๐๐ อาศัยอยู่ในหิมวันตประเทศ. ในครั้งนั้นบรรดาดาบส เหล่านั้น ได้มีดาบสชื่ออินทสมานโคตร เป็นผู้ว่ายากไม่เชื่อฟัง. ดาบสนั้นเลี้ยงลูกช้างไว้เชือกหนึ่ง. พระโพธิสัตว์ได้ทราบข่าว จึงเรียกดาบสนั้นมาถามว่า เขาว่าเธอเลี้ยงลูกช้างไว้จริงหรือ. ดาบสตอบว่าจริงขอรับอาจารย์ ข้าพเจ้าเลี้ยงลูกช้างไว้เชือกหนึ่ง แม่มันตาย. พระโพธิสัตว์พูดเตือนว่า ขึ้นชื่อว่าช้าง เมื่อเติบโต มักฆ่าคนเลี้ยง. เธออย่าเลี้ยงลูกช้างนั้นเลย. ดาบสกล่าวว่า ท่าน อาจารย์ข้าพเจ้าไม่อาจทิ้งมันได้. พระโพธิสัตว์กล่าวว่า ถ้า เช่นนั้นเธอจักได้รู้เอง. ดาบสเลี้ยงดูช้างนั้น ต่อมามันมีร่างกาย ใหญ่โต. คราวหนึ่งพวกฤๅษีพากันไปในที่ไกลเพื่อหารากไม้ และผลาผลในป่า แล้วพักอยู่ ณ ที่นั้น ๒-๓ วัน.
            ช้างก็ตกมันรื้อบรรณศาลาเสียกระจุยกระจาย ทำลาย หม้อน้ำดื่ม โยนแผ่นหินทิ้ง ถอนแผ่นกระดานแขวนทิ้ง แล้วเข้า ไปยังที่ซ่อนแห่งหนึ่งยืนคอยมองดูทางมาของดาบส ด้วยหวังว่า จักฆ่าดาบสนั้นแล้วไป. ดาบสอินทสมานโคตรหาอาหารไว้ให้ช้าง เดินมาก่อนดาบสทั้งหมด ครั้นเห็นช้างนั้น จึงเข้าไปหามันตาม ความรู้สึกที่เป็นปกติ. ครั้นแล้วช้างนั้นออกจากที่ซ่อนเอางวง จับฟาดลงกับพื้น เอาเท้าเหยียบศีรษะขยี้ให้ถึงความตาย แล้ว แผดเสียงดังเข้าป่าไป. พวกดาบสที่เหลือจึงแจ้งข่าวนั้นให้พระ- โพธิสัตว์ทราบ. พระโพธิสัตว์กล่าวว่า ไม่ควรทำความคลุกคลี กับคนชั่ว แล้วกล่าวคาถานี้ว่า:-
            บุคคลไม่พึงทำความสนิทสนมกับคนชั่ว ท่านผู้เป็นอริยะ รู้ประโยชน์อยู่ไม่พึงทำความ สนิทสนมกับอนารยชน เพราะอนารยชนนั้น แม้อยู่ร่วมกันเป็นเวลานาน ก็ย่อมทำความชั่ว ดุจช้างผู้ทำลายดาบสอินทสมานโคตรฉะนั้น
            บุคคลพึงรู้บุคคลใดว่า ผู้นี้เช่นเดียวกับ เรา ด้วยศีล ด้วยปัญญา และแม้ด้วยสุตะ พึงทำ ไมตรีกับบุคคลผู้นั้นนั่นแหละ เพราะการสมาคม กับสัตบุรุษนำมาซึ่งความสุขแท้.
            ในบทเหล่านั้น บทว่า น สนฺถวํ กาปุริเสน กยิรา ความว่า บุคคลไม่พึงทำความสนิทสนมด้วยอำนาจตัณหา หรือความสนิท สนมด้วยความเป็นมิตร กับคนมักโกรธที่น่าชัง. บทว่า อริโย ในบทว่า อริโยนริเยน ปชานมตฺถํ ได้แก่ อริยะ ๔ จำพวก คือ อาจารอริยะ ได้แก่อริยะในทางมารยาท ๑ ลิงคอริยะ อริยะใน ทางเพศ ๑ ทัสสนอริยะ อริยะในทางความเห็น ๑ ปฏิเวธอริยะ อริยะในทางรู้แจ้งแทงตลอด ๑. บรรดาอริยะเหล่านั้น อาจาร- อริยะท่านประสงค์เอาในที่นี้. อธิบายว่า บุคคลผู้เป็นอริยะ รู้จักประโยชน์ คือรู้จักผล ฉลาดในประโยชน์และมิใช่ประโยชน์ ดำรงอยู่ในอาจาระ ไม่พึงทำความสนิทสนมด้วยอำนาจตัณหา หรือความสนิทสนมด้วยความเป็นมิตร กับคนที่มิใช่อริยะ คือ คนทุศีลไม่มียางอาย. ถามว่า เพราะเหตุไร. ตอบว่า เพราะคน ที่มิใช่อริยะนั้น แม้อยู่ร่วมกันนาน ก็มิได้คำนึงถึงการอยู่ร่วมกัน นั้น ย่อมกระทำความชั่ว คือกระทำกรรมอันลามกเท่านั้น. ถามว่า เหมือนอะไร. ตอบว่า เหมือนช้าง ฆ่าอินทสมานโคตร ดาบสใดกระทำความชั่ว. ในบทเป็นต้นว่า ยเทว ปญฺญา สทิโส มมํ ความว่า พึงรู้จักบุคคลใดว่า ผู้นี้เหมือนเราโดยศีลเป็นต้น พึงกระทำไมตรีกับบุคคลนั้นเท่านั้น การสมาคมกับด้วยสัตบุรุษ ย่อมนำความสุขมาให้.
            พระโพธิสัตว์สอนหมู่ฤๅษีว่า ธรรมดาคนเราไม่ควรเป็น ผู้สอนยาก ควรศึกษาให้ดีแล้วให้จัดการเผาศพอินทสมานโคตร- ดาบส เจริญพรหมวิหาร ได้เข้าถึงพรหมโลก.
            พระศาสดาทรงนำพระธรรมเทศนานี้มาแล้วทรงประชุม ชาดก. อินทสมานโคตรในครั้งนั้น ได้เป็นภิกษุสอนยากนี้ใน ครั้งนี้. ส่วนครูประจำคณะได้เป็นเราตถาคตนี้แล.
            จบ อรรถกถาอินทสมานโคตรชาดกที่ ๑