พระศาสดาเมื่อประทับอยู่    พระเชตวันมหาวิหาร  ทรง

ปรารภกิงสุโกปมสูตร  ตรัสพระธรรมเทศนานี้  มีคำเริ่มต้นว่า

สพฺเพหิ  กึสุโก  ทิฏฺโฐ  ดังนี้

          ได้ยินว่า  ภิกษุ    รูปเข้าไปเฝ้าพระตถาคตทูลขอกรรมฐาน

พระศาสดาทรงบอกกรรมฐานแก่ภิกษุเหล่านั้น.  ภิกษุเหล่านั้น

เรียนกรรมฐานไปสู่ที่พักกลางคืนที่พักกลางวัน.  ในภิกษุเหล่านั้น

ภิกษุรูปหนึ่งกำหนดผัสสายตนะ    บรรลุพระอรหัตแล้ว.  รูปหนึ่ง

กำหนดขันธ์  ๕.  รูปหนึ่งกำหนดมหาภูต  ๔.  รูปหนึ่งกำหนด

ธาตุ  ๑๘.  ภิกษุเหล่านั้นกราบทูลคุณวิเศษที่ตนบรรลุแด่พระ-

ศาสดา.  ในบรรดาภิกษุเหล่านั้นมีรูปหนึ่งเกิดความปริวิตกว่า

กรรมฐานเหล่านั้นมีข้อแตกต่างกัน  แต่นิพพานเป็นอย่างเดียว

กัน  ภิกษุทั้งหมดบรรลุอรหัตได้อย่างไร.  จึงทูลถามพระศาสดา

พระศาสดาตรัสว่า  ดูก่อนภิกษุเธอก็ไม่ต่างกันกับพี่น้อง    คน

ที่เห็นต้นทองกวาว  ภิกษุทั้งหลายกราบทูลอาราธนาว่า  ข้าแต่

พระองค์ผู้เจริญ  ขอพระองค์ทรงแสดงเหตุนี้แก่ข้าพระองค์เถิด

ทรงนำเรื่องอดีตมาตรัสเล่า.

          ในอดีตกาลครั้งพระเจ้าพรหมทัตเสวยราชสมบัติอยู่ใน

กรุงพาราณสี  พระองค์มีพระโอรส    พระองค์.  วันนี้โอรสทั้ง

  ตรัสเรียกสารถีมาตรัสว่า  ดูก่อนสหาย  พวกเราอยากเห็นต้น

ทองกวาว  ท่านจงแสดงต้นทองกวาวมาให้พวกเราดูเถิด.  สารถี

รับว่า  ดีละ  พระเจ้าข้า  ข้าพระองค์จักแสดง  แต่ไม่แสดงแก่

ราชบุตรทั้ง    พร้อมกัน  ให้ราชบุตรองค์ประทับนั่งบนรถไป

ก่อน  พาไปในป่าแล้วชี้ให้ดูต้นทองกวาวในเวลาสลัดใบว่า  นี้

คือต้นทองกวาว.  อีกองค์หนึ่งให้ดูในเวลาออกใบอ่อน  อีกองค์

หนึ่งให้ดูเวลาออกดอก  อีกองค์หนึ่งให้ดูในเวลาออกผล. ต่อมา

ราชบุตรทั้ง    พี่น้องประทับนั่งพร้อมหน้ากัน  จึงไต่ถามกัน

ขึ้นว่า  ชื่อว่าต้นทองกวาวเป็นเช่นไร. องค์ที่หนึ่งตรัสว่า  เหมือน

ตอไหม้ไฟ  องค์ที่สองตรัสว่า  เหมือนต้นไทร  องค์ที่สามตรัสว่า

เหมือนชิ้นเนื้อ  องค์ที่สี่ตรัสว่า  เหมือนต้นซึก.  ทั้ง    พระองค์

ไม่ตกลงตามคำของกันและกัน  จึงไปเฝ้าพระบิดา  ทูลถามว่า

ข้าแต่พระบิดา  ชื่อว่าต้นทองกวาวเป็นอย่างไร.  เมื่อพระราชา

ตรัสว่า  พวกเจ้าว่ากันอย่างไรเล่า.  จึงกราบทูลพระราชาตามที่

ถกเถียงกัน.  พระราชาตรัสว่า  พวกเจ้าแม้ทั้งสี่ได้เห็นต้นทองกวาว

แล้วเป็นแต่สารถีผู้แสดงต้นทองกวาว.  พวกเจ้ามิได้ไต่ถามจารไน

ออกไปว่า  ในกาลนี้ต้นทองกวาวเป็นเช่นไร.  ด้วยเหตุนั้นความ

สงสัยจึงเกิดขึ้นแก่พวกเจ้า  ตรัสคาถาแรกว่า  :-

                             ท่านทุกคนเห็นต้นทองกวาวแล้ว  ยังจะ

                   สงสัยในต้นทองกวาวนั้น  เพราะเหตุไรหนอ

                   ท่านทั้งหลายหาได้ถามสารถีให้ถี่ถ้วนในที่

                   ทั้งปวงไม่.

          พระศาสดาทรงแสดงเหตุนี้แล้วตรัสว่า  แน่ะภิกษุ  เหมือน

อย่างพี่น้องทั้ง    เกิดความสงสัยในต้นทองกวาว  เพราะมิได้

ไต่ถามให้ถ้วนถี่ฉันใด  แม้เธอสงสัยเกิดขึ้นในธรรมนี้  ก็ฉันนั้น

เหมือนกัน  พระองค์ตรัสรู้แล้ว  ได้ตรัสคาถาที่    ว่า  :-

                             บุคคลเหล่าใด   ยังไม่รู้ธรรมทั้งหลาย  ด้วย

                   ญาณทั้งปวง  บุคคลเหล่านั้นแล   ย่อมสงสัยใน

                   ธรรมทั้งปวง  เหมือนพระราชบุตร    พระองค์

                   ทรงสงสัยในต้นทองกวาวฉะนั้น.

          เนื้อความแห่งคาถานั้นว่า  เหมือนอย่างพี่น้องเหล่านั้น

สงสัยแล้ว  เพราะไม่เห็นต้นทองกวาวทุกฐานะ  ฉันใด  ธรรม

ทั้งปวงแยกประเภทเป็นผัสสะ    อายตนะ  ขันธ์  ภูต  และธาตุ.

ชนเหล่าใดไม่ได้ให้เกิดด้วยวิปัสสนาญาณทั้งปวง  คือมิได้แทง

ตลอด   เพราะยังไม่ได้บรรลุโสดาปัตติมรรค ชนเหล่านั้นย่อมสงสัย

ในธรรมมี  ผัสสะ    และอายตนะเป็นต้น เหมือนพี่น้องทั้งสี่

สงสัยในต้นทองกวาวต้นเดียวกันฉันนั้น.

          พระศาสดาทรงนำพระธรรมเทศนานี้มาแล้ว  ทรงประชุม

ชาดก.  พระเจ้ากรุงพาราณสีในครั้งนั้น คือเราตถาคตนี้แล.

                             จบ  อรรถกถากิงสุโกปมสูตรที่