พระศาสดาเมื่อประทับอยู่ ณ
พระเชตวันมหาวิหาร ทรง
ปรารภพระโลฬุทายีเถระ ตรัสพระธรรมเทศนานี้
มีคำเริ่มต้น
ว่า
อทฺธา ปาทญฺชลี สพฺเพ ดังนี้.
ในวันหนึ่ง
พระมหาสาวกทั้งสองวินิจฉัยปัญหาอยู่. ภิกษุ
ทั้งหลายฟังปัญหาต่างก็สรรเสริญพระเถระทั้งสอง. พระโลฬุ-
ทายีเถระนั่งอยู่ในระหว่างบริษัท ขัดคอขึ้นว่า
พระมหาสาวก
เหล่านี้จะรู้อะไรทัดเทียมเราหรือ. พระเถระทั้งสองเห็นพระ-
โลฬุทายีเถระนั้นแล้ว จึงลุกจากอาสนะหลีกไป.
บริษัทเลยแยก
ย้ายกัน.
ภิกษุทั้งหลายประชุมสนทนากันในโรงธรรมว่า ดูก่อน
อาวุโสทั้งหลาย
พระโลฬุทายีติเตียนพระอัครสาวกทั้งสอง
แล้วขัดคอขึ้น.
พระศาสดาตรัสว่า
ดูก่อนภิกษุทั้งหลายมิใช่ใน
บัดนี้เท่านั้น
แม้เมื่อก่อนโลฬุทายีก็ไม่รู้อะไร
ๆ อย่างอื่นยิ่งกว่า
นั้น
นอกจากขัดคอแล้วทรงนำเรื่องอดีตมาตรัสเล่า.
ในอดีตกาลครั้งพระเจ้าพรหมทัตเสวยราชสมบัติอยู่ใน
กรุงพาราณสี
พระโพธิสัตว์ได้เป็นอำมาตย์ผู้สอนอรรถและ
ธรรมของพระองค์.
ก็พระราชานั้นมีโอรสพระนามว่า
ปาทัญชลี
มีพระทัยโลเล
เชื่องช้า.
ต่อมาพระราชาสวรรคต.
พวกอำมาตย์
จัดการถวายพระเพลิง
แล้วปรึกษากันว่าจักอภิเษกปาทัญชลี
ราชบุตรครองราชสมบัติ. แต่พระโพธิสัตว์กล่าวว่า พระกุมารนี้
มีพระทัยโลเล
เชื่องช้า
พวกเราจักควรทดลองดูก่อน
แล้วจึง
จักอภิเษกพระกุมารนั้น. พวกอำมาตย์จึงเตรียมการตัดสินความ
ให้พระกุมารประทับนั่งในที่ใกล้ ๆ
เมื่อจะตัดสินคดี
แกล้งตัดสิน
ไม่ถูก.
ตัดสินให้ผู้มิใช่เจ้าของเป็นเจ้าของแล้วทูลพระกุมารว่า
ข้าแต่พระกุมาร
พวกข้าพระองค์ตัดสินความชอบธรรมหรือไฉน.
พระกุมารเม้มพระโอฐ.
พระโพธิสัตว์สำคัญว่า
พระกุมารเห็น
จะทรงเฉลียวฉลาด
คงจักทราบว่าตัดสินไม่ชอบ
จึงกล่าวคาถา
แรกว่า :-
ปาทัญชลีราชกุมารย่อมรุ่งเรืองกว่าเรา
ทั้งหมด
ด้วยพระปรีชาแน่นอน
เมื่อเช่นนั้นทำไม
จึงทรงเม้มพระโอฐอยู่เล่า จะทรงเห็นเหตุอื่นยิ่ง
กว่านี้เป็นแน่.
ครั้นวันอื่นพวกอำมาตย์เหล่านั้นตระเตรียมการตัดสินความ
แล้ว
ตัดสินความอีกเรื่องหนึ่งโดยชอบธรรม
แล้วทูลถามว่า
ข้าแต่พระกุมาร
ข้าพระองค์ตัดสินความถูกต้องแล้วหรือไฉน
พระกุมารทรงเม้มพระโอฐอีกเหมือนอย่างเดิม. ลำดับนั้น พระ-
โพธิสัตว์จึงทราบว่า
พระกุมารนี้โง่เขลาจึงกล่าวคาถาที่
๒ ว่า :-
ปาทัญชลีราชกุมารพระองค์นี้ จะทรง
ทราบสิ่งที่เป็นธรรม
หรือไม่เป็นธรรม สิ่งที่เป็น
ประโยชน์และไม่เป็นประโยชน์ ก็หาไม่ได้
ปาทัญชลีราชกุมารพระองค์นี้ นอกจากจะเม้ม
พระโอฐแล้ว
ย่อมไม่ทรงทราบเหตุการณ์สักนิด
หนึ่งเลย.
พวกอำมาตย์รู้ว่า
ปาทัญชลีราชกุมารทรงเหลวไหล
จึง
อภิเษกพระโพธิสัตว์ขึ้นครองราชสมบัติ.
พระศาสดาทรงนำพระธรรมเทศนานี้มาแล้ว ทรงประชุม
ชาดก.
ปาทัญชลีราชกุมารในครั้งนั้น
ได้เป็นพระโลฬุทายีใน
ครั้งนี้
ส่วนอำมาตย์บัณฑิต
คือเราตถาคตนี้แล.
จบ
อรรถกถาปาทัญชลิชาดกที่ ๗