พระศาสดาเมื่อประทับอยู่ ณ
พระเชตวันมหาวิหาร ทรง
ปรารภภิกษุโกหกรูปหนึ่ง ตรัสธรรมเทศนานี้ มีคำเริ่มต้นว่า
ภทฺทโก วตายํ ปกฺขี ดังนี้.
ความย่อมีอยู่ว่า
พระศาสดาทรงเห็นภิกษุโกหกรูปหนึ่ง
ซึ่งถูกนำตัวมาเฝ้า
ตรัสว่า
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย
ภิกษุรูปนี้มิใช่
โกหกในบัดนี้เท่านั้น แม้เมื่อก่อนก็โกหก
แล้วทรงนำเรื่องอดีต
มาตรัสเล่า.
ในอดีตกาลครั้งพระเจ้าพรหมทัตเสวยราชสมบัติอยู่ใน
กรุงพาราณสี
พระโพธิสัตว์เป็นปลามีบริวารมากอาศัยอยู่ใน
สระแห่งหนึ่งในหิมวันตประเทศ. ครั้งนั้นมีนกยางตัวหนึ่ง คิดว่า
จักกินปลา
จึงยืนก้มหัวกางปีกทำเซื่อง
ๆ มองดูปลาในที่ใกล้
สระ
คอยดูปลาเหล่านั้นเผลอ.
ขณะนั้นพระโพธิสัตว์แวดล้อม
ด้วยฝูงปลาเที่ยวหาเหยื่อกินไปถึงที่นั้น. ฝูงปลาเห็นนกยางนั้น
จึงกล่าวคาถาแรกว่า
:-
นกมีปีกตัวนี้ดีจริงหุบปีกทั้งสองไว้ ง่วง
เหงาซบเซาอยู่.
ในบทเหล่านั้น
บทว่า มนฺทมนฺโท ว
ฌายติ ได้แก่ นกยาง
ซบเซาอยู่ตัวเดียว
เหมือนจะหมดแรง
ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้อะไร
ทั้งนั้น.
ลำดับนั้นพระโพธิสัตว์มองดูนกยางนั้น กล่าวคาถาที่ ๒ ว่า :-
เจ้าทั้งหลาย
ไม่รู้จักกิริยาของมัน
พวกเจ้า
ไม่รู้จึงพากันสรรเสริญ นกตัวนี้ไม่ได้คุ้มครอง
รักษาพวกเราดอก
เพราะเหตุนั้นนกตัวนี้จึงไม่
เคลื่อนไหวเลย.
ในบทเหล่านั้น
บทว่า อนญฺญาย แปลว่าไม่รู้. บทว่า
อเมฺห
ทิโช น ปาเลติ ความว่า นกนี้ไม่รักษา ไม่คุ้มครองพวก
เรา
ครุ่นคิดอยู่แต่ว่าในปลาเหล่านี้
เราจะจิกตัวไหนกิน. บทว่า
เตน
ปกฺขี น ผนฺทติ ด้วยเหตุนั้น
นกตัวนี้จึงไม่เคลื่อนไหวเลย.
เมื่อพระโพธิสัตว์กล่าวอย่างนี้ ฝูงปลาก็พ่นน้ำให้นกยาง
หนีไป.
พระศาสดาทรงนำพระธรรมเทศนานี้มาแล้ว ทรงประชุม
ชาดก.
นกยางในครั้งนั้นได้เป็นภิกษุโกหกในครั้งนี้ ส่วนพญาปลา
คือ
เราตถาคตนี้แล.
จบ
อรรถกถาพกชาดกที่ ๖